“อีเทอเนิล เอนเนอยี” ไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เติบโต 291% จากงวดปีก่อน เหตุรับรู้กำไรบริษัทร่วม “เอสเอสยูที” กว่า 37 ล้านบาทหนุนงบโต ด้านรายได้รวมเพิ่ม ค่าใช้จ่ายลด พร้อมขายหุ้นทั้งหมดในบุญเอนก ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มูลค่า 514 ล้านบาท
บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิ 28.83 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0104 บาท เพิ่มขึ้น 291.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6.87 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0025 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 43.84 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0158 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 20.87 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0075 บาท
บริษัทฯ มีรายได้รวม 4.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.83 ล้านบาท หรือ 74.96% จากการขายพืชผลการเกษตรตามโครงการร่วมปลูกกับเกษตรกรที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อกิโลกรัมสูงกว่าปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายรวม 12.82 ล้านบาท ลดลง 0.39 ล้านบาท หรือ 2.92% เนื่องจากค่าใช้จ่ายบริหารลดลง
นอกจากนี้มีส่วนแบ่งผลกำไรในบริษัทร่วม-เอสเอสยูที จำกัด จำนวน 37.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 41.68 ล้านบาท หรือ 967.87% ตามสัดส่วน 25% ของยอดกำไรสุทธิในบริษัท เอสเอสยูที ในไตรมาส 3/61 จำนวน 149.49 ล้านบาท ที่เกิดจากผลการดำเนินงานตามปกติและผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้น
นอกจากนี้คณะกรรมกรบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2561 ได้มีมติอนุมัติขายหุ้นสามัญในบริษัท บุญเอนก จำกัด จำนวน 5,399,998 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนให้แก่ บริษัท ทรัพย์สมบัติใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยง ในราคามูลค่าตามบัญชีตามงบการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 ก.ย.2561 ซึ่งเท่ากับ 514.59 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ให้แก่ผู้ขาย ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2557 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2557 และเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท
บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปชำระค่าหุ้นส่วนที่ 2 ของบริษัทเอสเอสยูที ในสัดส่วน 15% มูลค่าประมาณ 646.25 ล้านบาท โดยนอกจากเงินที่คาดว่าจะได้จากการขายหุ้นบุญเอนก 514.59 ล้านบาทแล้ว บริษัทจะกู้ยืมจากบุคลหรือสถาบันการเงินหรือเพิ่มทุนหรือแหล่งอื่นๆ ตามความเหมาะสม และเมื้อชำระค่าหุ้นบริษัทเอสเอสยูที แล้ว บริษัทจะมีรายได้มาจากเงินปันผลเงินลงทุนในหุ้นบริษัทเอสเอสยูที สัดส่วน 40% และบริษัทยังคงศึกษาการลงทุนในด้านพลังงานทดแทนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทซื้อหุ้นสามัญบริษัท บุญเอนก วันที่ 3 เม.ย.50 จำนวน 1,317.09 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถใช้ที่ดินที่อยู่ภายใต้สิทธิ์ครอบครองของบริษํท บุญเอนก และบริษัทย่อยของบริษัทบุญเอนก ซึ่งเป็นที่ดินใกล้แหล่งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักและน้ำ ซึ่งเป็นส่วนประกอบการหลักในการผลิตเอทานอล นอกจากนั้นยังเป็นที่ดินแปลงขนาดใหญ่อยู่ใกล้กัน สามารถใช้ประโยชน์และดูแลได้ง่าย ดังนั้นที่ดินดังกล่าวเหมาะสมในการใช้เป็นพื้นที่ในการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลตามการลงทุนในโครงการผลิตเอทานอล ทำให้บริษัทสามารถประหยัดเวลาในการจัดหาที่ดินและสามารถเริ่มดำเนกนโครงการได้เร็วขึ้น ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการสร้างรายได้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตให้บริษัท