ไทยซื้อสินค้ากรีนแพงสุดในโลก ราคาสูงเกือบ 12% เอเชีย 11%

HoonSmart.com>>PwC พบไทยยอมซื้อสินค้ายั่งยืนราคาแพงสูงสุดเกือบ 12% ทั่วโลกอยู่ที่ 9.7% เอเชีย 11%

พิสิฐ ทางธนกุล

นายพิสิฐ ทางธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2567 ภาพรวมของเอเชียแปซิฟิก ฉบับประเทศไทย ของ PwC ว่า ผลสำรวจล่าสุดพบผู้บริโภคชาวไทย 54% แสดงความกังวลว่าความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคจะกระทบต่อภาพรวมของประเทศมากที่สุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า ตามมาด้วยปัจจัยเงินเฟ้อ (53%) จึงส่งผลให้เลือกที่จะใช้จ่ายในสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น

ขณะที่โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมชอปปิงที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุดแต่ยังกังวลข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ความเสี่ยงทางไซเบอร์ (41%)

อย่างไรก็ดี มากกว่าครึ่งของผู้บริโภคชาวไทย (58%) กล่าวว่าตนจะเลือกซื้อสินค้ารักษ์โลกเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินสูงกว่าราคาปกติเกือบ 12% ก็ตาม

“ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงได้ส่งผลต่อภาพรวมพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยคนไทยส่วนใหญ่มีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ก็ยังคงพยายามที่จะรักษาสมดุลระหว่างการใช้จ่ายที่จำเป็นและการปรับไลฟ์สไตล์ของตนให้ดีขึ้น โดยมองที่ความคุ้มค่าของเงินที่ต้องจ่ายเป็นสำคัญ” นาย พิสิฐ กล่าว

PwC พบว่า 73% ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยมีการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (สูงกว่าเอเชียแปซิฟิกที่ 56% และทั่วโลกที่ 34%) โดยข้อมูลจากรายงาน Digital 2024: Thailand ที่จัดทำโดย We Are Social และ Meltwater ระบุว่า ในช่วงต้นปี 2567 มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 63.21 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการท่องอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยเกือบแปดชั่วโมงต่อวัน

ขณะที่มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในประเทศมากกว่า 49 ล้านคน แต่กลับจัดอันดับให้บริษัทและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด โดย 77% มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (privacy) และการแบ่งปันข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย

นาย พิสิฐ กล่าวว่า ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (data protection) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยมองว่าการปกป้องข้อมูล เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจและมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นที่พวกเขามีต่อบริษัทต่าง ๆ

ผู้บริโภคไทยยอมจ่ายแพงสำหรับสินค้าเพื่อความยั่งยืน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังหันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าเพื่อความยั่งยืน (sustainable products) มากขึ้น มากกว่าครึ่ง (58%) เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น และยังเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 11.7% ของราคาสินค้าโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกและเอเชียแปซิฟิกที่ 9.7% และเกือบ 11% ตามลำดับ

นาย พิสิฐ กล่าวต่อว่า การดำเนินการเพื่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการค้าปลีกจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยรายงานของ PwC พบว่า การลดของเสียและการรีไซเคิลจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากที่สุด (45%) รองลงมา คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (37%) และผลกระทบเชิงบวกต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและน้ำ (35%) นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ (79%) ยังแสดงความสนใจอย่างมากในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (electric vehicle) หรือรถยนต์ไฮบริด (hybrid vehicle) เพื่อการเดินทางที่ยั่งยืน