HoonSmart.com>>โบรกเกอร์มองหุ้น IRPC ผลประกอบการผ่านช่วงที่ต่ำสุดไปแล้ว แนวโน้มไตรมาส 1/66 พลิกฟื้นและดีมากขึ้นครึ่งปีหลัง บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท มี P/BV ต่ำที่ 0.7 เท่า บล.เอเซียพลัสชี้ไตรมาส 1/66 พลิกกลับมาทำกำไร ให้ราคาเหมาะสม 3.60 บาท บล.พาย คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 3.30 บาท บล.หยวนต้าแนะนำ “ถือ” ราคาเหมาะสม 3.30 บาท
บริษัท ไออาร์พีซี หรือ IRPC รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 7,149 ล้านบาท ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งหลังของปี 65 ที่ 0.03 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 1.0% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 ก.พ. และจ่ายปันผลในวันที่ 26 เม.ย.)
บล.บัวหลวงระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานหลักอ่อนตัวลง ได้แก่ 1) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีที่ลดลง 2) ค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ที่ลดลง และ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 1/66 ของ IRPC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนุนโดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่มากขึ้น, ค่าการกลั่นตลาตรวม (market GIM ) ที่สูงขึ้น, และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 6,519 ล้านบาท ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
บล.บัวหลวงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัวในไตรมาส 1/66 หนุนโดยอุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในวงกว้างที่ปรับตัวดีขึ้น, อุปสงค์น้ำมันดีเซล, น้ำมันเครื่องบิน, และน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูงที่แข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล และอุปทานที่ตึงตัว ต้นทุนน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะลดลงในไตรมาส 1/66 ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทมีแนวโน้มที่จะลดลง จากแนวโน้มดังกล่าว คาดว่าค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) จะเพิ่มขึ้น YoY และ Q0Q ในไตรมาส 1/66
ความคาดหวังต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานหลักที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/66 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของเราจากการลงทุนใหม่ๆ มูลค่าหุ้น IRPC ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 66 ที่ 0.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.3 เท่าอยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
บล.เอเซียพลัส มองว่าทิศทางผลการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 1/66 คาดจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ เนื่องจากไม่มีแผน shutdown รวมถึง spread ปีโตรเลียมยังอยู่ในระดับที่ดี และ spread ปีโตรเคมีเริ่มขยับตัวจากอานิสงส์จีนกลับมาเปิดประเทศ ประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 66 อยู่ที่ 3.60 บาท/หุ้น ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับฐานสะท้อนปัจจัยกระทบต่างๆในระดับหนึ่งแล้ว แนะนำหาจังหวะทยอยซื้อรับงบไตรมาส 1/66 ที่จะเห็นการฟื้นตัวพลิกกลับเป็นกำไร และรับปันผลจากผลการดำเนินงวดครึ่งปีหลัง 65 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ครึ่งปีที่ 1% (ทั้งปีจ่าย 0.07 บาทต่อหุ้น)
บล.พาย คงคำแนะนำ “ถือ” IRPC มูลค่าพื้นฐาน 3.30 บาท ระบุว่าผลการขาดทุนเกิดจาก 1) ขาดทุนสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่ เพราะราคาน้ำมันดิบที่ย่อตัวลง และ 2) ยอดขายกลุ่มโรงกลั่นที่ลดลง เพราะปิดซ่อมบำรุง คาดไตรมาส 1/66 และทั้งปี 66 จะมีภาพเป็นบวกด้วยกำไรที่พลิกฟื้นจากขาดทุน หนุนจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่นที่กลับมาดำเนินงานตามปกติหลังปิดซ่อมบำรุง 2)การขาดหายไปของขาดทุนสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่ และ 3) ค่าการกลั่นแข็งแกร่งและส่วนต่างราคาปีโตรเคมีที่ปรับดีขึ้นภายในครึ่งหลังปี 66 จากการที่จีนเปิดประเทศ
บล.หยวนต้า ระบุว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส1/66 ฟื้นตัว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 3.0 พันล้านบาท บนสมมติฐานที่ระมัดระวังต่อการเพิ่มขึ้นของกำลังผลิตใหม่ PP ABS ทั้งนี้ ประมาณการมี Upside หากอุปสงค์สามารถฟื้นตัวได้เร็วจากการเปิดประเทศของจีน และช่วยดูดซับอุปทานล้นตลาดได้ คงราคาเหมาะสม 3.30 บาท และคำแนะนำ TRADING
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สามารถเก็งกำไรลักษณะ Catch-up Play เนื่องจาก 1) เมื่อเทียบกับหุ้นที่มี Portfolio โรงกลั่น และปิโตรเคมีอย่าง PTTGC ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 20% ตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/65 เทียบกับ IRPC ราคาลดลง 2% 2) หุ้นมีสถานะ Under-owned เพราะตลาดกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดของ PP ABS ไปมากแล้ว ปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.8 เท่า (Discount มากกว่า -1.0 SD) ทำให้ Downside จำกัด 3) ได้ Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาปิโตรเคมี PP ABS โดยค่าเฉลี่ย 1QTD อยู่ที่ US$433/ตัน (+35% Q0Q) และ US$719/ต้น (+7% QoQ)
#IRPC #บล.บัวหลวง #บล.พาย #บล.หยวนต้า