“คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวต้านดัชนี 1,580 – 1,585 จุด แนะ PROUD-SNNP

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดตลาดหุ้นฟื้นตัวตามภูมิภาค แนวต้าน 1,580 – 1,585 จุด แนวรับ 1,560 จุด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, SCB กลุ่มอาหาร CPF, TU, ASIAN กลุ่มปลอดภัย AVANC,INTUCH เล่นเก็งกำไร DELTA พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้แนะ PROUD ,SNNP

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ฟื้นตัวตามดัชนีภูมิภาค หลังความผันผวนดอลลาร์, US Bond Yield ลดลง วางแนวรับดัชนีที่ 1,560 จุด แนวต้าน 1,580 – 1,585 จุด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, SCB/ อาหาร CPF, TU, ASIAN/ ปลอดภัย AVANC,INTUCH/ เก็งกำไร DELTA

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PROUD (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A. บาท) มีความน่าสนใจจากทิศทางผลประกอบการใน 2H65 กลับมา Turnaround จากการทยอยรับรู้รายได้การโอนโครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มูลค่า 3.8 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 93% หรือมูลค่ารวม 3.5 พันล้านบาท โดยเริ่มทยอยโอนเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิ.ย.และจะเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปิดการขายและการโอนเสร็จสิ้นภายในปี 65 ปัจจุบันมียอดขายรอโอนแล้ว (Backlog) 2.9 พันล้านบาท คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในช่วง 3Q65 ส่วนโครงการเวหา (VEHHA) หัวหิน มูลค่า 2.3 พันล้านบาท ที่เริ่มขายตั้งแต่เดือน ก.ค.ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 50% โดยกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูงยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดประเทศทำให้ชาวต่างชาติทีมีกำลังซื้อสูงเริ่มกลับเข้ามา

หุ้น SNNP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 20.30 บาท) คาดว่าภาพการดำเนินงานจะยังคงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วง 2H65 ได้แรงหนุนในเชิงรายได้จากการ Reopening ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ขณะที่ทางบ.เองยังคงมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องตามกระแส มีทั้งที่เป็น ขนมรูปน่องไก่ผสมใบกัญชา กลิ่นบาร์บีคิว และ น้ำผลไม้ ผสมน้ำใบกัญชา

ขณะที่ระยะถัดไปยังมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตจากโรงงานในเวียดนามซึ่งคาดว่าจะทะยอยเปิดเป็น 3 เฟส(เฟสแรกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และ เฟสสุดท้ายช่วงปลายปีหน้า) ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี 65 และ 66 กำไรสุทธิของ SNNP* จะสามารถขยายตัวได้โดดเด่นมาอยู่ที่ระดับ 494 ล้านบาท (+13%YoY) และ 616 ล้านบาท (+25%YoY) ตามลำดับ