HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารไตรมาส 3 แตะ 3.35 หมื่นล้านบาท ลดลง 42.2% เทียบกับไตรมาส2 จากรายได้ค่าธรรมเนียมหดตัว 6.5-9.0% ตั้งสำรองเพิ่มรับการระบาดของโควิคที่ยืดเยื้อ และNPLที่เพิ่มแตะ 3.10-3.17%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์กำไรสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาส 3/2564 อยู่ในกรอบ 3.25-3.35 หมื่นล้านบาท ลดลงประมาณ 42.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 5.72 หมื่นล้านบาท จากผลของการบันทึกกำไรพิเศษจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นในบริษัทในเครือของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง แต่หากไม่นับรวมรายการนี้ กำไรสุทธิยังคงปรับตัวประมาณ 32.5% เนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ซึ่งน่าจะหดตัวลงประมาณ 6.5-9.0% นอกจากนี้คาดว่าการตีมูลค่าเงินลงทุนในตราสารทางการเงินผ่านงบกำไรขาดทุนของธนาคารพาณิชย์น่าจะได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ส่วนสินเชื่อของระบบธนาคารคาดเติบโตในกรอบ 4.7-5.2% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่โต 4.4% แต่ NIM ในไตรมาส 3/2564 อาจจะชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณ 2.50-2.55% เทียบกับ 2.56% ในไตรมาส 2/2564 เนื่องจากสินเชื่อธุรกิจที่ปล่อยใหม่ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง ซึ่งมีดอกเบี้ยไม่สูง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจะทยอยตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูงกว่าช่วงปกติ รองรับความไม่แน่นอนของคุณภาพสินเชื่อ แม้ธปท. จะขยายเวลาผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้และการกันเงินสำรองให้กับสถาบันการเงินไปจนถึงสิ้นปี 2565 ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/2564 คาดว่า สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL Ratio ของระบบธนาคารพาณิชย์ (ภาพรวมของธ.พ.ไทย+สาขาธ.พ. ต่างประเทศ) อาจขยับขึ้นมาที่ 3.10-3.17% ต่อสินเชื่อรวม จากระดับ 3.09% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 2 ตามสัญญาณความเปราะบางทางการเงินและปัญหาในการประคองรายได้ของลูกหนี้ในกลุ่ม SMEs และรายย่อย