ASIAN หั่นเป้ารายได้โตเหลือ 10% ครึ่งปีหลังรับผลดีบาทอ่อน

ASIAN ลดเป้ารายได้ปีนี้เป็นเติบโต 10% หลังครึ่งปีแรกราคาอาหารสัตว์น้ำยังไม่ค่อยดี และมีการแข่งขันสูง คาดครึ่งปีหลังบริษัทได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็น 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ดันปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 15% เทียบกับปีก่อน

นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทรินดรอป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานบริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด (ASIAN) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ลงจาก 15% เหลือเติบโต 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 9,888 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ราคากุ้งที่ตกต่ำ และยอดขายอาหารสัตว์น้ำในช่วงครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามคาด ส่วนครึ่งปีหลังราคากุ้งและปลาหมึกยังไม่ค่อยดีนัก

เฮ็นริคคัส แวน เวสเทิร์นดรอป

“ปริมาณการขายอาหารสัตว์น้ำปีนี้อาจจะเติบโตได้ 15% ก็จริง แต่ด้วยราคาที่ไม่ค่อยดีนัก เราจึงคาดว่ารายได้จะเติบโตที่ระดับ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 15% ในขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะยังเติบโตได้ดีจากช่วงครึ่งปีแรก”นายเฮ็นริคคัสกล่าว

นายเฮ็นริคคัส กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเชื่อมั่นว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่เฉลี่ย 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงไตรมาสที่ 1 ถึงช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทกำหนดราคาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ แม้ว่าสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำจะมีความรุนแรง และตลาดผลิตภัณฑ์ปลาหมึกที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น

นอกจากนี้ การที่บริษัทเริ่มต้นธุรกิจใหม่ที่จะเสริมความเข้มแข็งให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง หลังจากเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเอเชี่ยน กรุ๊ป เอสซีเอส ยุโรป จีเอ็มบีเอส เพื่อขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในยุโรป และร่วมทุนกับบริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา เปิดบริษัท อินเตอร์ เพ็ททรินา บุกตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมี่ยมในไทย ภายใต้แบรนด์ MARIA จะช่วยเร่งยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงคิดเป็น 34% ของยอดขายรวม

นานเฮ็นริคคัส ระบุว่า สำหรับในปีนี้ บริษัทยังคงมองหากิจการที่น่าสนใจเพื่อพิจารณาเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารสัตว์ โดยเฉพาะธุรกิจที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้บริษัทได้ แต่จะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ส่วนผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปคาดเดาได้ยาก อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างๆ จากปัจจุบันที่ตลาดหลักยังเป็นสหรัฐ

ทั้งนี้ ไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวม 2,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งยังอยู่ในช่วงโลซีซั่น และยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์น้ำต่ำกว่าประมาณการ ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตได้ดี ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 92 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.8% เทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 10.2% ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4% ใกล้เคียงกับปีก่อน