ASEFA ซื้อคืน 35 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 120 ลบ.

HoonSmart.com>> บอร์ดอาซีฟา ไฟเขียวซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 35 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 120 ล้านบาท เริ่มซื้อคืนในตลาดตั้งแต่ 21 พ.ค.-20 พ.ย.นี้ ด้านผลดำเนินงานไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิ 47 ล้านบาท ลดลง 5.41% จากงวดปีก่อน

บริษัท อาซีฟา (ASEFA) เปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2563 อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินภายในวงเงินสูงสถดไม่เกิน ๅ/จ ล้านบาท จำนวนหุ้นที่ซื้อคืน 35 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 6.36% ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยจะซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2563 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2563

เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเพิ่มอัตราตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้นและเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น รวมทั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทถึงสถานะทางการเงินและศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวของบริษัท รวมถึงเพื่อให้ราคาหุ้นในอนาคตสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทมากยิ่งขึ้น

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 46.93 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.09 บาท ลดลง 5.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 49.61 ล้านบาท กำรไรต่อหุ้น 0.09 บาท

บริษัทมีกำไรสุทธิใกล้เคียงเดิมแม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสภาพตลาดในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อรายได้และกำไรสุทธิไม่มากนัก โดยมีรายได้จากการขายและบริการลดลงเล็กน้อย 28.98 ล้านบาท โดยยังสามารถคงอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 7%

ด้านรายได้จากการขายและบริการมีจำนวน 663.06 ล้านบาท ลดลงเพียง 28.98 ล้านบาท หรือ 4.19% ซึ่งลดลงไม่ม่กเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 77.43 ล้านบาทและรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อลดลง 12.63 ล้านบาท

สำหรับรายได้จากกลุ่มงานบริการลดลง 93.77 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของงานโครงการที่เป็นงานบริการด้านวิศวกรรมระบบที่เกี่ยวข้องจากผลกระทบของการชะลอการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจากสถานการณ์ COVID-19 ส่วนต้นทุนสินค้าที่ขายและบริการมีจำนวน 524.03 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อนมีจำนวน 538.30 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดเล็กน้อยจาก 22.22% เป็น 20.97% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 83.32 ล้านบาท ลดลง 9.85% จากงวดปีก่อนโดยตั้งสำรองค่าเผื่อลูกหนี้และตั้งสำรองค่าเผื่อสินค้าเสื่อมสภาพและล้าสมัย