HoonSmart.com>> “บลจ.ทิสโก้-กรุงไทย” จับจังหวะหุ้นไทยร่วง 30% เซ่นโควิด-19 น้ำมันดิ่ง ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ช้อนหุ้น ตั้งเป้าผลตอบแทน 5% ภายใน 5-6 เดือน บล.หยวนต้า คาดหุ้นโรงไฟฟ้าได้อานิสงส์เป้าหมายกองทุนเก็บเข้าพอร์ต
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากกว่า 30% รับข่าวความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ปัจจุบันหุ้นไทยซื้อขายในระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรย้อนหลัง (P/E) อยู่ที่ประมาณ 11-12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีไปค่อนข้างมาก และการซื้อขายยังต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลออกมาต่อเนื่อง โดยจะเริ่มขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือนมี.ค.นี้
“ราคาหุ้นไทยที่ลดลงส่งผลให้อัตราการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง 12 เดือนของหุ้นไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีประมาณ 3% จึงมองเป็นโอกาสในการลงทุนเพิ่ม เนื่องจากเชื่อว่าผลกระทบจาก COVID-19 จะเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น เมื่อเห็นสัญญาณที่ประเทศต่างๆ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ หรือสามารถคิดค้นวัคซีนเพื่อมาสร้างภูมิคุ้มกันได้ จะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นแรง”นายสาห์รัช กล่าว
สำหรับกลุ่มที่ปันผลสูงอย่างโดดเด่นมากที่สุด คือ กลุ่มธนาคารอยู่ที่ประมาณ 7% รองลงมาคือกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5.5% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 5% โดยบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศจ่ายปันผล และขึ้นเครื่องหมาย XD ตั้งแต่เดือนมี.ค.นี้ ขณะที่ P/E ลงมาต่ำกว่า 12 เท่า และ Earning Yield Gap (ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของตลาดต่อดัชนีหุ้นไทย ลบด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี) สูงประมาณ 8% ทำให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
นายสาห์รัช กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้ เปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#5 (TEQT5M5) เสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 มี.ค.2563 ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
ด้านนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนเปิดกรุงไทย ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 (KT-TRIG3) เสนอขายตั้งแต่วันที่ 17 – 19 มี.ค.2563 เป็นกองทุนรวมผสม มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 5% ภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงประมาณ 30% ในปีนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มี.ค. 63) รวมถึงตลาดหุ้นอื่นๆ ที่ปรับตัวในระดับใกล้เคียงกันจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในหลายภูมิภาคทั่วโลกและการดิ่งลงราคาน้ำมัน
กองทุนลงทุนได้หลายสินทรัพย์ โดยจะเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่อิงกับปัจจัยภายในประเทศที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทย การฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุน เลือกลงทุนรายหลักทรัพย์โดยให้ความสำคัญกับระดับราคาหุ้นที่สอดคล้องกับแนวโน้มผลประกอบการที่มีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศและปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงหุ้นที่มีการขยับชิ้นของราคาไม่มาก (Laggard) และหุ้นที่มีการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน (Turnaround) ซึ่งจับจังหวะการลงทุนโดยพิจารณาจากระดับราคาหุ้นที่จะเข้าลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี้ชี้วัดและเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสม
“ผู้จัดการกองทุนปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ในสัดส่วนตั้งแต่ 0% ถึง 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะและจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) ไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การออกขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์จากบลจ.ในประเทศ เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัว โดยหุ้นคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของทริกเกอร์ฟันด์คาดว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้ Sentiment บวก โดยบล.หยวนต้าให้ GPSC เป็น Top pick
อ่านข่าว
KTAM ส่ง “ทริกเกอร์หุ้นไทย-กองทุนมุ่งรักษาเงินต้น” ลงทุนสู้โควิด
บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟทริกเกอร์ฟันด์ซื้อหุ้นไทย ชี้ราคาดิ่งแรง 30% เกินพื้นฐาน