ราคาน้ำมันพุ่งส่งดาวโจนส์ปิดบวก 95 จุด เวเนซูเอลามีแนวโน้มส่งออกน้อยลง รอผลประชุม โอเปก และ G 7
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 7 มิถุนายน ที่ 25,241.41 เพิ่มขึ้น 95.02 จุด หรือ 0.38% ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานนำ โดยหุ้นเชฟรอนที่ขยับขึ้น 2.90% หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอีกครั้ง และจากหุ้นแมคโดนัลด์ที่ปรับตัว 4.4% หลังประกาศโครงสร้างลดค่าใช้จ่ายและอาจจะปลดพนักงานส่วนหนึ่ง
ราคาน้ำมันดิบพุ่งจากรายงานปริมาณน้ำมันส่งออกจากเวเนซูเอลามีแนวโน้มลดลง เพราะได้รับผลจากมาตรการคว่ำบาตรและวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC กำหนดที่จะประชุมในอีก 2 สัปดาห์เพื่อพิจารณาว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่
นักลงทุนส่วนหนึ่งยังเกาะติดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G 7 ที่คาดว่าประเด็นทางการค้าจะเป็นหัวข้อสำคัญ
ดัชนี Nasdaq ลดลงด้วยแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,770.37 จุด ลดลง 1.98 จุด, -0.07%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,635.07 จุด ลดลง 54.17 จุด,-0.70%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงจากการปรับตัวลดลงของหั้นในกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในสัปดาห์หน้าหลังส่ง
สัญญาณที่จะลดการใช้มาตรการ QE
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,704.40 จุด ลดลง 7.97 จุด,-0.10%
ดัชนี Stoxx Europe 600 index ปิดที่ 385.94 จุด ลดลง 0.94 จุด, -0.24%
ดัชนี DAX 30 ปิดที่จุด 12,811.05 จุด ลดลง 19.02 จุด, -0.15%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,448.36 จุด ลดลง 9.20 จุด, -0.17%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์หรือ 1.9% ปิดที่ 65.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 77.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล