บล.กสิกรไทยคาดหุ้นยืนเหนือ 1,500 จุด สัปดาห์หน้า

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยให้แนวรับแรกที่ 1,525  และแนวต้านอยู่ที่ 1,540  จุด ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย กำไรบจ.-ความคืบหน้าลงมติร่างพ.ร.บ.งบปี 63-สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยให้กรอบ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ  สามารถแข็งและอ่อนได้ทั้งสองทาง

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดการณ์ดัชนีหุ้นในสัปดาห์ถัดไป (11-14 ก.พ.) มีแนวรับที่ 1,525 และ 1,515 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,540 และ 1,550 จุด ตามลำดับ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 4/62 ของบจ. ความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงมติร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 และสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค.ของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/62 ของยูโรโซน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นกลับมาปิดที่ 1,535.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.39% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,841.92 ล้านบาท ลดลง 0.44% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.46% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 303.95 จุด

ในช่วงต้นสัปดาห์ร่วงลงท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนจะดีดตัวขึ้นหลังจีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ  และหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของครม. และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของกนง. อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ มีช่วงบวกที่จำกัดลงช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนายังคงไม่คลี่คลาย และมีแรงกดดันในหุ้นกลุ่มสื่อสาร

ทางด้านเงินบาท สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-14 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งในช่วงต้นสัปดาห์ แต่ทยอยอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือ หลังกนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาที่ 1% ขณะที่ผู้ว่าการธปท. ระบุว่า แม้เงินบาทได้อ่อนค่าลงมาแล้วตั้งแต่ต้นปี แต่ยังไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่มีความอ่อนไหวอยู่มาก ทั้งนี้เงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ซึ่งสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ (PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน) ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด

ในวันศุกร์ (7 ก.พ.) เงินบาทอยู่ที่ 31.28 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (31 ม.ค.)