ก.ล.ต. เชือด “สาธิต” เจ้าของ “เอนเนอร์จี้หัวหิน” นำขบวนปั่นหุ้น ABC ปรับ 120 ล้านบาท สั่งห้าม “ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์” เป็นผู้บริหารบจ. จับตาชักดาบเงินค่าปรับ 120 ล้านบาท หรือไม่
หุ้นปั่น ABC หรือชื่อเดิม แอสเซท ไบร์ท หรือชื่อปัจจุบันคือ ดิจิตอล เทค แพลนเน็ต จำกัด ( DIGI ) หลายปีก่อนปั่นกันออกนอกหน้า ราคาขึ้นหวือหวา และตลาดหลักทรัพย์ฯไม่สามารถดับความร้อนแรงของหุ้นตัวนี้ได้
ล่าสุดวันนี้ (7 มิ.ย.)หัวขบวนการใหญ่ “สาธิต รุ่งวัฒนภักดิ์” ที่เป็นถึงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เจ้าของโครงการ “ดิ เอน เนอร์จี้ หัวหิน” และ “บ้านราชประสงค์” ซึ่งเป็นเจ้าของตัวจริง ABC กลายเป็น 1 ใน 7 บุคคลที่ ก.ล.ต.ประกาศ ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง เพราะอยู่เบื้องหลังการปั่นหุ้น ABC
หลายปีก่อนจะมาเป็นหุ้น ABC ที่โด่งดัง หุ้นตัวนี้มีชื่อเดิมตามสูติบัตร คือ หุ้น บางกอกไนล่อน ( BNC ) ผู้ผลิตถุงเท้าไนล่อน ก่อนประสบปัญหาการผลิตและฐานะการเงิน ในที่สุดถูกเทคโอเวอร์โดยกลุ่มของนายสาธิต และให้นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ เป็นตัวแทน (นอมินี ) ออกหน้าบริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
แต่แล้วหุ้น BNC ที่ถูกลืม ถูกปลุกขึ้นมาเล่นอย่างโจ๋งครึ่ม หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ABC ที่ราคาพาร์ 10 บาท ก่อนจะมีการแตกพาร์และเล่นลากขึ้นลงไม่น้อยกว่า 3-4 รอบ จนราคาหุ้นปรับขึ้นหลายเท่าตัวหลังแตกพาร์
ไม่เพียงนักลงทุนรายย่อยที่หลงเข้าไปเป็นเหยื่อหุ้น ABC เท่านั้น ยังมี หมอนักลงทุน เจ๊รายใหญ่ เข้าไปเล่นหุ้นตัวนี้ด้วย โดยก่อนหน้านี้ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้โด่งดังจากหนังสือเข็มทิศชีวิต มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน ABC ด้วยมูลค่าขณะนั้นไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท จากราคาหุ้นที่ปั่นขึ้นไป
แต่ความไม่จีรังยั่งยืนของหุ้นปั่นที่เจ้ารายใหญ่ทำกำไรเก็บเงินเข้ากระเป๋า สุดท้ายเจ้ามือก็ปล่อยให้เป็นหุ้นตายซากเช่นเดียวกับหุ้นปั่นอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ABC ไม่สามารถรอดสายตาตลาดหลักทรัพย์ และก.ล.ต. ไปได้ เพราะผลการตรวจสอบที่ออกมา ทำให้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ทาง ก.ล.ต.ประกาศ ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิดจำนวน 7 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น ABC โดยมีความผิดตามมาตรา 244/3 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ประกอบด้วย (1) นายสาธิต รุ่งวัฒนภักดิ์ (2) นายชวิน รุ่งวัฒนภักดิ์ (3) นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ (4) นางสาวธัญภา เศวตศิลป (5) นางสาวโสรจ จันทราทิพย์ (6) นางสาวอัยย์ริณ ตั้งพูลเจริญ (7) นางสาลิกา ตั้งพูลเจริญ
โดยก.ล.ต.ให้ทั้ง 7 คน ชำระค่าปรับทางแพ่งรวมกว่า 120 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
ส่วนกระบวนการปั่นหุ้นนั้น ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า นายสาธิต มีบทบาทเป็นแหล่งเงิน โดยจ่ายเงินผ่านนางสาวธัญภาก่อนจะส่งไปให้นายปรเมษฐ์เพื่อซื้อหุ้น ABC และถือครองไว้แทนนายสาธิต
ต่อมามีการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวโสรจ เคาะซื้อผลักดันราคาหุ้น ABC ให้สูงขึ้น และในระหว่างนั้นเอง นายปรเมษฐ์ได้ขายหุ้น ABC แบบ Big Lot ให้กับนายสาธิต นายชวิน นางสาวอัยย์ริณ และนางสาลิกา เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าใจว่าหุ้น ABC มีการซื้อหรือขายกันมาก และเมื่อมีผู้ลงทุนหลงผิดเข้าซื้อหุ้น ABC กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ขายหุ้นและทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้มีผู้ลงทุนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
“เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 – 30 มิ.ย. 2557 หุ้น ABC มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 2.38 บาท เป็นราคา 7.80 บาท ตลอดจนมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากประมาณ 3 หมื่นหุ้นต่อวันในช่วงต้นปี 2557 เป็นประมาณ 6 แสนกว่าหุ้นต่อวันในช่วงเวลาดังกล่าว”รายงานข่าวระบุ
อย่างไรก็ตาม หลังจากคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย ด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง นายปรเมษฐ์ได้ทำบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งและชำระค่าปรับทางแพ่ง 500,000 บาทแล้ว และก.ล.ต. สั่งห้ามนายปรเมษฐ์เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี
สำหรับผู้กระทำความผิดอีก 6 ราย ก.ล.ต.นัดหมายจะมาลงนามในบันทึกยินยอมและชำระค่าปรับทางแพ่ง ซึ่งหากบุคคลใดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งต่อไป