MTL โชว์ปี 62 เบี้ยประกันรับรวม 8.38 หมื่นลบ.ลุยเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

HoonSmart.com>> เมืองไทยประกันชีวิต เปิดแผนปี 63 ด้วยกลยุทธ์ “MTL Everyday Life Partner” ชูนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เดินหน้าสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืนในทุกช่วงของชีวิต เปิดผลิตภัณฑ์เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global) เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน แย้มกำลังศึกษาแนวทางและโอกาสลงทุนประเทศอื่นนอกเหนือจาก CLMV

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน และการให้บริการ รวมถึงยังเป็นผู้นำในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัล
ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายในรูปแบบเฉพาะบุคคลได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังถือเป็นปีที่สำคัญอีกปีหนึ่งสำหรับเมืองไทยประกันชีวิตที่สะท้อนถึงตัวตนได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งใหญ่(Brightening the Brand) ในรอบ 15 ปี ภายใต้สโลแกน “Happiness Means Everything: เพราะความสุขคือทุกอย่าง” โดยมุ่งเน้นเรื่องของการส่งมอบความสุขในทุกด้านให้กับลูกค้า พนักงาน พันธมิตร สังคม และผู้ถือหุ้น อย่างยั่งยืน

ในด้านผลการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 2562 มีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 83,840 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 25,956 ล้านบาทและเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 57,885 ล้านบาท มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น Protection&Investment เมื่อเทียบกับผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ทั้งหมด สูงถึง 67% มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ Investment Linked อยู่ที่ 163% และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมสำหรับผลิตภัณฑ์ในประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปี 2561 ในขณะที่ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 531,000 ล้านบาท

นายสาระ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2563 เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกช่วงวัยที่มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืน
ในทุกช่วงของชีวิตและทุกไลฟ์สไตล์แบบ End to End ได้อย่างเหมาะสม ตอกย้ำนโยบาย “MTL Everyday Life Partner” พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ทันสมัย และสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว

ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global)  ซึ่งเป็นแบบประกันประเภท Index Linked ครบถ้วนทั้งเรื่องความคุ้มครอง สุขภาพ และการลงทุนเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในยุคปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ด้วยการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอ้างอิงการลงทุนจากดัชนี Citi Global Multi Asset Index ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญของ Citi ที่มีกลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวอย่างมั่นคง พร้อมให้ความคุ้มครองชีวิต 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เป็นระยะเวลา 10 ปี การันตีเบี้ยประกันที่จ่ายยังอยู่ครบเมื่อจบสัญญา และสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้

นอกจากนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ สัญญาเพิ่มเติมการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความอุ่นใจเรี่องการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 3,000 บาทต่อครั้ง รับความคุ้มครองปีละ 60,000 บาท(1) โดยสามารถแยกซื้อได้ โดยไม่ต้องซื้อร่วมกับความคุ้มครองผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งปกติ แบบประกันส่วนใหญ่จะต้องซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยในก่อนจึงจะมีสิทธิ์ซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอกได้

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์อย่าง สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ ที่มอบความคุ้มครองดูแลแบบเหนือระดับที่มากกว่า สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตั้งแต่ 20-100 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ ล่าสุดได้มีการขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี

นายสาระ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ช่องทางการขายของบริษัทฯ ในปี 2563 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม รวมไปถึงการขายแบบประกันออนไลน์ ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น K Plus และ Shopee โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยี ในชื่อ “BizBox” เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานขายตั้งแต่กระบวนการก่อนการนำเสนอขาย ระหว่างการเสนอขาย และหลังการเสนอขาย  นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ซึ่งมีการเติบโตไปในทิศทางที่ดี ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะหาโอกาสในการขยายการลงทุนผ่านกลุ่มประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ

นายสาระ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังได้เปิดประสบการณ์ครบเครื่องการบริการที่เหนือระดับด้วยที่สุดของการบริการ ’MTL Smile Service ให้คุณคุ้มค่ามากกว่าแค่คุ้มครอง’ ด้วยรูปแบบการบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ในทุก Lifestyle ที่คุณเลือก ทั้งนวัตกรรมการบริการและเทคโนโลยี พร้อมทีมงานที่คอยดูแลใส่ใจ รวมถึงสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการติดต่อที่สะดวกยิ่งขึ้น อาทิ โทร.1766 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Online Chat ผ่าน Muangthai.co.th

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ในชื่อ “MTL Click” ที่รวบรวมทุกบริการของเมืองไทยประกันชีวิต ที่สะดวก ครบ จบในแอปเดียว โดย MTL Click ได้ถูกออกแบบมาให้อำนวยความสะดวก ความต้องการหลังการขายที่แตกต่างกันไปตามบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเข้าระบบแบบ Biometric Login ที่สามารถเข้าได้ทั้งแบบ Face ID สแกนลายนิ้วมือ หรือการใส่ Pin Code การรวมบัตรประกันกลุ่มและประกันรายเดี่ยวไว้ในแอปเดียวในรูปแบบ Digicard การค้นหาตำแหน่งโรงพยาบาลคู่สัญญา การติดตามและแจ้งเตือนสถานะการเคลม การขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลกรมธรรม์ การส่งคำขอเข้าถึงกรมธรรม์ของคนในครอบครัวและชำระเบี้ยประกันให้กันได้

ในขณะที่ช่องทางการชำระเบี้ย ลูกค้าสามารถเลือกชำระได้ผ่านบัตรเครดิต เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือผ่าน K Plus นอกจากนี้ได้มีบริการพบแพทย์ออนไลน์ (TeleMedicine) สำหรับผู้มีประกันสุขภาพกลุ่มกับเมืองไทยประกันชีวิต และสามารถรับยาตามสิทธิได้เสมือนการพบแพทย์ผ่านโรงพยาบาล รวมถึงบริการขอหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัยเพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นขอหักลดหย่อนภาษีฯ

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ยังเดินหน้าในการพัฒนาองค์กรและบุคลากรในทุกระดับล่าสุดได้ทำการเปิด ศูนย์การเรียนรู้ “สรรค์สาระ” จ.ราชบุรี ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 48 ไร่ ด้วยรูปแบบของอาคารและการจัดสรรพื้นที่ให้มีความโปร่งโล่งสบาย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  โดยจะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาบุคลากรทั้งพนักงาน ตัวแทน รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสรรค์สิ่งที่ดี พร้อมนำพาองค์กรให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และแข็งแกร่ง

“หัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของ MTL ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมใหม่และมุ่งเน้นการปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม คิดค้นผลิตภัณฑ์ บริการ ที่สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า ด้วยความยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้เมืองไทยประกันชีวิต ยังมีพันธมิตรที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในไม่ว่าจะเป็น Fuchsia Venture Capital ช่วยเฟ้นหา Startup ที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและวงการประกัน รวมถึงบริษัท ไอเจ็น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ที่จะนำหลักการของปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence ในลักษณะของ Machine Learning หรือ Deep Learning มาช่วยในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม และในการพัฒนาเครื่องมือต่างๆให้กับทีมงานฝ่ายขาย รวมถึง “Gettgo” ซึ่งอยู่ภายใต้ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ที่คอยช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม” นายสาระ กล่าว