KTAM เสิร์ฟกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน ผลตอบแทน 0.90% ต่อปี

HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย เสิร์ฟกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 0.90% ต่อปี ท่ามกลางตลาดหุ้นผันผวน ไวรัสโคโรนากระทบท่องเที่ยวและหลายอุตสาหกรรม ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านปัจจัยต่างประเทศ จับตา FED ประชุม 28-29 ม.ค.63

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย Roll Over รอบใหม่ คือ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 5 ( KTSIV6M5) รหัสกองทุน คือ K5I ตั้งแต่วันที่ 3 – 7 กุมภาพันธ์ 2563 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ/ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 0.90% ต่อปี ผลตอบแทนที่ได้รับไม่เสียภาษี ยกเว้นนิติบุคคลต่างประเทศที่ไม่ประกอบกิจการในประเทศไทย

สำหรับตราสารที่คาดว่าจะลงทุน คือ (1) ตั๋วแลกเงิน บริษัทราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 0.14% ต่อปี และ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 91% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 1.00% ต่อปี (ที่มาของข้อมูล: ข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์และผู้ค้าตราสารหนี้ วันที่ 31 มกราคม 2563) และเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

อนึ่ง ทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานฯ อนุญาตให้ลงทุนได้ภายใต้กรอบการลงทุนของ บลจ. กรุงไทย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ 17-24 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแส Risk Off จากความกังวลเรื่องการระบาดของ Coronavirus ที่กระทบกับการท่องเที่ยวและอีกหลายอุตสาหกรรม และทำให้ USD มีการแข็งค่าเมื่อเทียบกับ Other Currency รวมถึงเงินบาทที่มีการอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับแผนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลน่าจะล่าช้าออกไปหลังต้องส่งร่าง พรบ. งบประมาณให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 6,492 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นความคืบหน้าของ พรบ. งบประมาณ ปี 2563 ความคืบหน้าของสถานการณ์ Coronavirus และวิธีการรับมือ ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

ด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแส Risk Off จากความกังวลเรื่องการระบาดของ Coronavirus ที่กระทบกับการท่องเที่ยวและอีกหลายอุตสาหกรรม ประกอบกับตลาดเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา เนื่องจาก Phase 2 น่าจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 9 bps. มาอยู่ที่ 1.49% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลงมา 12 bps. มาอยู่ที่ 1.51% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 14 bps. มาอยู่ที่ 1.70% ต่อปี

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นผลการประชุม Fed ในวันที่ 28-29 มกราคม 2563 การถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ความคืบหน้าของสถานการณ์ Coronavirus และวิธีการรับมือ