KBANK-CK-TPIPL-SPALI บวกต่อ-ASP ชี้หุ้นซื้อคืนดีสุด 1 เดือนหลังประกาศ

HoonSmart.com>>4 หุ้นที่ประกาศซื้อคืน ราคายังเดินหน้าต่อ  บล.เอเซียพลัสแนะนำช่วงเวลาที่ลงทุนดีที่สุด  1 เดือน หลังเปิดข่าวออกมา ยกสถิติ 10 เดือนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.6% บางแห่งให้เกิน 10%จากความเชื่อมั่นหุ้นถูก  บริษัทเฮโลช้อนช่วยให้ดัชนีดีขึ้นด้วย  ตามเกณฑ์เวลาเก็บ 6 เดือน หลังจากนั้นร่วง 

วันที่ 31 มกราคม 2563 หุ้นของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) บวกต่อ 2 บาท หรือ 1.41% ซื้อขายที่ 143.50 บาท หลังจากเมื่อวันที่ 30 มกราคม ประกาศใช้เงิน 4,600 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนจากตลาดจำนวน 1% หรือ 23 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 14-27 ก.พ.นี้ รวมถึงหุ้น บริษัทช.การช่าง (CK) ที่จะซื้อหุ้นคืน 10% ราคาบวก 0.20 บาทหรือ 1.02% ซื้อขายที่ 19.80 บาท บริษัททีพีไอ โพลีน(TPIPL) เพิ่มขึ้น 3.21% หรือ 0.05 บาท ซื้อขายที่ 1.61 บาท และบริษัท ศุภาลัย(SPALI) อยู่ที่ 16.50 บาท บวก 0.10 บาทหรือ 0.61% ณ เวลาประมาณ 10.10 น.

บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า การประกาศซื้อหุ้นคืนมักส่งผลดีต่อราคาหุ้นในช่วงระยะสั้น ซึ่งช่วงเวลาที่ดีสุด 1 เดือนหลังประกาศ  มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%)

สภาวะตลาดที่ผันผวนและราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง สร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนหลายๆ บริษัทที่มีความพร้อมทางการเงิน ขณะที่ผู้บริหารต้องการส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กลับมาเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยการประกาศซื้อหุ้นคืน (Tresury Stock)

ในสัปดาห์นี้ มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 4 บริษัท คือ CK, KBANK, SPALI และ TPIPL ซึ่งราคาหุ้นหลังประกาศถึงปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 5.3%, 5.9%, 1.8% และ 3.3% ตามลำดับ หลังจากต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นปรับตัวลงกว่า 3.5%

หากดูข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ในกลุ่มตัวอย่างบริษัท ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเกือบทั้งหมดราว 42 บริษัท และส่วนใหญ่จะประกาศซื้อหุ้นคืนในปีที่ตลาดฯปรับฐานแรงเสมอ เช่น ปี 2558  ดัชนีหุ้นปรับฐาน 14% (ลดลงมากสุดใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน 5 บริษัท และมีต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2559 อีก 4 บริษัท ซึ่งในปี 2559 ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกว่า 19.8%

ส่วนปี 2561 ดัชนีลดลง 10.8% (ลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 ใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีการประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 13 บริษัท หลังจากนั้น 6 เดือน  ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.6% (ช่วง ครึ่งแรกของปี 2562 )

ปี 2562 ส่วนใหญ่มีการประกาศหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีราว 15 บริษัท หลังจากดัชนีปรับฐานลงมาเยอะ

หากพิจารณาโดยภาพรวมของดัชนีสังเกตได้ว่าหลังจากบริษัทออกมาประกาศซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก ดัชนีมักจะตอบสนองในเชิงบวกและมีโอกาสรีบาวด์กลับในระยะถัดไปเสมอ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักลงทุน ตอบรับสัญญาณที่ผู้บริหารส่งออกมาว่าราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องในการปรับขึ้นของราคาหุ้นยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้า

ฝ่ายวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ค้นหาช่วงเวลาในการลงทุนหุ้นที่ถูกซื้อหุ้นคืน จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ “ซื้อหุ้นดังกล่าวในวันที่ประกาศ และขายทำกำไรใน 1 เดือนถัดมา” มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%) เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาหุ้น บวกกับความคาดหวังกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น จากจำนวนหุ้นที่ลดลงตามจำนวนที่ซื้อคืน รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณของผู้บริหารว่าหุ้นบริษัทตัวเองถูกเกินไป

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นราคาส่วนใหญ่จะย่อตัวลงตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากประกาศซื้อหุ้นคืนเกิน 6 เดือน ผลตอบแทนที่ได้มีโอกาสย่อตัวจนติดลบ เนื่องจากบริษัทมีระยะเวลาในการซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันราคาและยังสอดคล้อกับสถิติในอดีต  และหลายๆบริษัทให้ผลตอบแทนติดลบ สวนทางตลาดที่เริ่มฟื้นขึ้น