ดาวโจนส์ปิดบวก 124 จุด WHO ประกาศภาวะฉุกเฉินโลก Fed คงดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 124 จุด WHO ประกาศภาวะฉุกเฉินโลก ด้าน Fed คงดอกเบี้ย ตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันดิบลดลง เบรนท์หลุด 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 30 มกราคม 2563 ที่ 28,859.44 จุด เพิ่มขึ้น 124.99 จุด หรือ 0.43% ฟื้นตัวในช่วงท้ายชั่วโมงซื้อขายหลังจากองค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภาวะฉุกเฉินโลกและจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟต์และหุ้นโคคา-โคล่าหลังรายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,283.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด,+0.31%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,298.93 จุด เพิ่มขึ้น 23.77 จุด,+0.26%

WHO ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินโลกหลังจากที่ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดไป 18 ประเทศทั่วโลก และมีการติดเชื้อจากคนสู่คน อย่างไรก็ตาม WHO ไม่ได้แนะนำให้ห้ามการเดินทางหรือจำกัดการทำการค้ากับจีน เนื่อง จากจีนสามาถควบคุมสถานการณ์ได้

จีนรายงานสถานการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากกว่า 7,700 รายจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 170 ราย

หุ้นสายการบินและหุ้นคาสิโนปรับตัวดีขึ้นโดยหุ้น อเมริกันแอร์ไลน์และหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% หุ้นวินน์รีสอร์ตและหุ้นลาสเวกัสแซนด์ต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 2%

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)แถลงผลการประชุมคงอัตราอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการยืนยันมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวระดับปานกลางต่อเนื่องขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาต่ออย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจนอกจากนี้เฟดยังปรับอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับธนาคารพาณิชย์หรือ IOER จาก 1.55% จาก 1.60% รวมทั้งจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรลดลในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนหลังจากได้ซื้อพันธบัตรไปแล้ว 82.58 พันล้านดอลลาร์ ตามแผนที่จะซื้อพันธบัตร 60 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน

กระทรวงพาณิชย์เผยจีดีพีไตรมาสสุดท้ายปี 2019 ขยายตัว 2.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดห์ก่อนลดลง 7,000 รายเป็น 216,000 ราย

ผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดส่งผลให้หุ้นโคคา-โคล่าเพิ่มขึ้น 3.25% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2.82%

หุ้นเฟซบุ๊คลดลง 6.14% แม้ผลการดำเนินงานดีกว่าคาดแต่เพิ่มในอัตราชะลอตัว หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 10.30% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด หุ้นยูพีเอสลดลง 6.70% หลังกำไรเป็นตามคาดแต่ยอดขายพลาดเป้า

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของไสรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจจีนหลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น กลบผลการดำเนินงานที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน

นักลงทุนเกาะติดการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยสภาสหภาพยุโรปจะประชุมนัดสุดท้ายก่อนกำหนดการถอนที่กำหนดเวลา 23.00 น.ตามเวลาในอังกฤษ

ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้นไว้ที่ 0.75%

ขณะเดียวกันความเชื่อมั่น หรือ Economic Sentiment Indicator (ESI) ในยูโรโซนและในกลุ่มประเทศสมาชิก 28 ประเทศ (EU28) โดย ESI ยูโรโซนเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.9 จุดมาที่ 101.3 ส่วนใน EU28 นั้น ESI เพิ่ม 1.5 จุดมาที่ 102.9

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,381.96 จุด ลดลง 101.61 จุด,+1.36%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 415.16 จุด ลดลง 4.25 จุด, -1.01%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,871.77 จุด ลดลง 83.12 จุด,-1.40%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,157.12 จุด ลดลง 187.88 จุด,-1.41%

หุ้นดอยช์แบงก์เพิ่มขึ้น 4.2% แม้แจ้งผลขาดทุน 5.3 พันล้านยูโร แต่มีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้าง

หุ้นโรยัลดัทช์ เชลล์ลดลง 4% หลังกำไรทั้งปีลดลงมาก

หุ้น H&M เพิ่มขึ้น 9.4% หลังรายงานกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.19 ดอลลาร์ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.52 ดอลลาร์ปิดที่ 58.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล