HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส ชี้การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนารุนแรงขึ้น จีนห้ามประชาชนเดินทางท่องเที่ยว ฉุดหุ้นไทยร่วงกว่า 30 จุด กระทบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สนามบิน เหตุนักท่องเที่ยวจีนสูงอันดับ 1 ของไทย ปรับ “ลดน้ำหนัก” หุ้นกลุ่มโรงแรม “น้อยกว่าตลาด” แนะเลี่ยงลงทุนในระยะสั้น เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มการบิน ชี้ AAV เสี่ยงกระทบมากกว่าสายการบินอื่น บล.บัวหลวง ชี้ผลดีหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ประชาชนตื่นตัวรักษาแม้อาการเบื้องต้น แนะซื้อ BDMS ,CHG, BH ส่วนกลุ่มโรงแรมแนะเลี่ยง ERW ,CENTEL , VRANDA
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สนามบิน ปรับตัวลงแรง โดยหุ้นกลุ่มการบิน AOT (การท่าอากาศยานไทย) ณ เวลา 10.24 น. อยู่ที่ 69 บาท -2.50 บาท หรือ -3.50% จากราคาเปิด 67.50 บาทและลงไปต่ำสุด 67.25 บาท
ขณะที่หุ้นสายการบิน AAV (เอเชีย เอวิเอชั่น) อยู่ที่ 1.82 บาท -0.11 บาท หรือ -5.70% จากเปิด 1.78 บาทและลงไปต่ำสุด 1.77 บาท THAI (การบินไทย) อยู่ที่ 6 บาท -0.15 บาท หรือ -2.44% ซึ่งเท่ากับราคาเปิด และลงไปต่ำสุด 5.95 บาท BA (การบินกรุงเทพ) อยู่ที่ 5.85 บาท -0.20 บาท หรือ -3.31% จากราคาเปิด 6 บาทและลงไปต่ำสุด 5.80 บาท NOK (สายการบินนกแอร์) อยู่ที่ 2 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านหุันกลุ่มโรงแรม อย่าง ERW (ดิ เอราวัณ กรุ๊ป) ณ เวลา 10.25 น. อยู่ที่ 4.38 บาท -0.32 บาท หรือ -6.81% จากเปิด 4.24 บาทและลงไปต่ำสุด 4.22 บาท ส่วน MINT (ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล) อยู่ที่ 31.25 บาท -2.25 บาท หรือ -6.72% และ CENTEL (โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา)
อยู่ที่ 21.20 บาท -1.00 บาท หรือ -4.50%
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 2019 และนำไปสู่โรคปอดอับเสบ ที่กระจายตัวออกไปในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุด สำนักข่าว CNN รายงานสถานการณ์มีผู้ติดเชื้อราว 2,114 คนในจีน และมีผู้เสียชีวิต 56 คน รวมทั้งมีการแพร่ไปยังที่อื่นๆ อาทิ ไทย, ฮ่องกง ล่าสุดสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ทำให้ทางการจีนมีคำสั่งห้ามทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่ 27 ม.ค. 63
สถานการณ์โดยรวมเป็นปัจจัยกดดันต่อกลุ่มโรงแรม เนื่องจากส่งผลต่อนักท่องเที่ยวจีนที่ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหรือประมาณ 11 ล้านคนและ 29% ของรายได้จากนักต่างชาติมาไทยรวมทั้งหมด 2 ล้านล้านบาท ในปี 2562 นอกจากนี้มีโอกาสกระทบจิตวิทยาช่วงสั้นต่อนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ให้ชะลอการเดินทางมาไทย สะท้อนจากข้อมูลปี 2546 ที่โรคซาร์สระบาด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหดตัว 7% yoy จากทุกกลุ่มลูกค้า หลักๆ ได้แก่ จีนลดลง 24% yoy, ยุโรป ลบ 5% yoy โดยฝ่ายวิจัยประเมินคำสั่งดังกล่าวจะสิ้นสุดลง เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้
บล.เอเซีย พลัส คาดกระทบ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไทยราว 90% ของรายได้รวม , CENTEL ราว 36% ของรายได้รวม (ส่วนที่เหลือเป็นร้านอาหารราว 56% และโรงแรมในมัลดีฟส์ราว 8%) และ MINT ราว 8% ของรายได้รวม (หลักๆ เป็น NH Hotel ในยุโรปประมาณ 56% ของรายได้รวม และโรงแรมต่างประเทศ Ex NH Hotel ราว 11%)โดยรวมฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการหุ้นในกลุ่มโรงแรมทั้งหมดปรับลดน้ำหนักการลงทุน จากเท่ากับตลาด เป็น น้อยกว่าตลาด พร้อมหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มระยะสั้น
ส่วนกลุ่มการบิน ประเมินกระทบสูงต่อผู้ที่มีรายได้จากลูกค้าจีน โดยปัจจุบัน AAV, AOT, THAI และ BA ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากจีนราว 30%, 15%, 8% และ 2% ตามลำดับ ทั้งนี้ ด้านผลกระทบต่อประมาณการ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวน โดยการเดินทางที่มีความเสี่ยงชะลอตัวจากถือเป็นความเสี่ยงต่อสมมติฐานการเติบโตจำนวนผู้ใช้บริการปีบัญชี 2563 ของ AOT กำหนดไว้ที่ 4.7% ทุก 1% ของผู้ใช้บริการต่ำกว่าคาด จะกระทบกำไร 1.0% และมูลค่าหุ้น 0.6 บาท
ด้านหุ้นสายการบิน AAV ที่มีความเสี่ยงกระทบมากกว่าสายการบินอื่น พบว่า ทุกๆ จำนวนผู้ใช้บริการต่ำลงกว่าสมมติฐานทุก 1% จะกระทบต่อผู้ใช้บริการรวม 0.3% และ 0.15% ขณะที่จะกระทบต่อกำไร 75% และมูลค่าหุ้น 0.4 บาท ส่วน BA และ THAI ทุกๆ อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารต่ำกว่าสมมติฐาน 1% จะกระทบขาดทุนเพิ่มขึ้น 75% และ 32% ขณะที่จะกระทบมูลค่าหุ้น 0.5 และ 1.0 บาท ตามลำดับ ภาพรวม ยังคงให้ลงทุน น้อยกว่าตลาด
ด้านบล.บัวหลวง คงคำแนะนำ เพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หลังการแพร่ระบสดไวรัสโคโรนารุนแรงขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากประชาชนจะมีความตื่นตัวในการดูแล ระกษาแม้เพียงอาการป่วยเบื้องต้น โดยหุ้นที่เป็น top-pick ได้แก่ BDMS แนะนำซื้อ เป้า 29 บาท และ CHG เป้า 2.90 บาท รองลงมา BH แนะนำซื้อ เป้า 165 บาท ส่วน AOT รอซื้อหลุด 60 บาท
นอกจากนี้แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมในระยะสั้น โดยโรงแรมที่มีความเสี่ยงลูกคาจีนลดลงมากสุด คือ ERW รองลงมา CENTEL จึงแนะเลี่ยงลงทุน รวมถึง VRANDA รอ AOT ที่ 70 บาท แนะเก็บ AWC และ MINT หากราคาอ่อนตัวจากข่าวนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบน้อย