โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP
เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา สรรพากรได้ออกเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับการแก้กฎหมาย ให้ลดหย่อนภาษี “เบี้ยประกันชีวิต-เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ-เบี้ยประกันสุขภาพ” บิดามารดาของผู้มีเงินได้รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้สำหรับปีภาษี 2563 ดังนี้
1. การใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ กำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้ จ่ายเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันชีวิตแบบบำนาญที่เริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีต่อหน่วยงานผู้รับประกันภัย และให้หน่วยงานผู้รับประกันภัยนำส่งข้อมูลการชำระเบี้ยประกันดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 มกราคม ของปีถัดไป
กรมสรรพากรจะนำข้อมูลดังกล่าวไปแสดงไว้ในระบบ My Tax Account ทั้งนี้ สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันชีวิตแบบบำนาญที่ผู้มีเงินได้ได้ทำไว้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 ผู้มีเงินได้สามารถเลือกที่จะแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีต่อหน่วยงานผู้รับประกันภัย หรือใช้หลักฐานที่ออกโดยหน่วยงานผู้รับประกันภัยที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายเบี้ยประกันไว้แล้วก็ได้
สรุป ก็คือ
• สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันชีวิตแบบบำนาญที่ผู้มีเงินได้ได้ทำไว้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 ผู้มีเงินได้ยังสามารถใช้เอกสารรับรองการชำระเบี้ยประกันที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตได้เหมือนเดิม หรือ จะแจ้งความประสงค์ให้บริษัทประกันชีวิตส่งข้อมูลให้สรรพากรก็ได้
• กฎหมายบังคับเฉพาะกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันชีวิตแบบบำนาญที่เราต้องการลดหย่อนภาษีเท่านั้น ดังนั้น ถ้ากรมธรรม์ไหนเราไม่ต้องการนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษี ก็ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้สรรพากร (อันนี้ต่างกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่เราฝากไว้กับธนาคารทุกบัญชีที่กฎหมายกำหนดให้เรายินยอมให้ธนาคารส่งข้อมูลเราให้กับสรรพากร แต่ถ้าเราไม่ยินยอม เราก็จะถูกธนาคารหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ)
2. การใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ กำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้จ่ายเบี้ยประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ที่ทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีต่อหน่วยงานผู้รับประกันภัย และให้หน่วยงานผู้รับประกันภัยนำส่งข้อมูลการชำระเบี้ยประกันดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 มกราคม ของปีถัดไป โดยกรมสรรพากรจะนำข้อมูลดังกล่าวไปแสดงไว้ในระบบ My Tax Account”
สรุป ก็คือ สำหรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ไม่ว่าจะทำก่อนหรือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ผู้มีเงินได้ถ้าต้องการลดหย่อนภาษีก็ต้องยอมให้บริษัทประกันส่งข้อมูลเราให้สรรพากร เหมือนกับประกันสุขภาพของเราเอง ที่ตั้งแต่ปีภาษี 2561 เป็นต้นไป สรรพากรกำหนดให้คนที่ต้องการจะนำเบี้ยประกันสุขภาพไปลดหย่อนภาษี ต้องแจ้งความประสงค์ให้บริษัทประกันทราบ เพื่อให้บริษัทประกันสามารถนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพให้แก่กรมสรรพากร โดยผู้มีเงินได้ไม่ต้องใช้หลักฐานประกอบการขอลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวนโยบายของกรมสรรพากรที่ใช้หลักแนวคิด customer centric คือ ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง และอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษี และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและเปลี่ยนแปลงกระบวนงานให้อยู่ในรูป Digital Transformation โดยกรมสรรพากรได้เริ่มเชื่อมโยงข้อมูลลดหย่อนประเภทต่าง ๆ จากหน่วยงานเจ้าของข้อมูลเพื่อนำมาไว้บนระบบ My Tax Account โดยผู้เสียภาษีสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 ได้
ปัจจุบันข้อมูลในระบบ My Tax Account ประกอบด้วย ข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพ เงินบริจาค (e-Donation) และเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตอนนี้ก็เพิ่มข้อมูลประกันชีวิต ประกันบำนาญ ต่อไปก็น่าจะเพิ่มข้อมูลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ RMF SSF และค่าลดหย่อนอื่นๆต่อไป สรุปก็คือ ในอนาคตต่อไป ลดหย่อนภาษีต้องผ่านเน็ตหมด