HoonSmart.com>> “ซีพีแอล กรุ๊ป” ตั้งเป้าปี 63 รายได้แตะ 2.5-2.7 พันล้านบาท คาดฟอกหนังกระเตื้อง ซุ่มเจรจาลูกค้ารายใหม่ พร้อมเกาะกระแสอีอีซีจัดทัพธุรกิจเซฟตี้โปรดักส์ดันโต 10%
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 อยู่ที่ 2.5-2.7 พันล้านบาท จากธุรกิจฟอกหนังและเซฟตี้โปรดักส์ และตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ไว้ที่ 10% เนื่องจากความต้องการสินค้าป้องกันภัยส่วนบุคคลที่เพิมขึ้น รวมถึงคาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อของธุรกิจฟอกหนังไว้ที่ 22-23 ล้านตารางฟุต ซึ่งในปีนี้พยายามเน้นถึงฐานลูกค้าใหม่และตลาดสินค้าทดแทน
ในช่วงที่ผ่านทีผ่านมาสินค้าของ CPL ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าชั้นนำของโลก ที่ยังคงส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงรับรู้รายได้จากการธุรกิจฟอกหนังในระดับ 1,800-2,000 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่เป็นความท้าทายของธุรกิจ ไม่สามารถปรับราคาขายได้ ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงลดความเสี่ยงด้วยการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีในราคาต้นทุนไม่สูงมาก โดยยังเน้นการรักษาคุณภาพสินค้า ตลอดจนการทำการตลาดและพัฒนาผลิตหนังฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงรักษาความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย ในปี 62 ที่ผ่านมา สินค้าจากธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์มียอดรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท
นายสุวัชชัย กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมั่นใจในด้านการตลาด การขายและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ารายหลัก ทำให้สินค้าของ CPL ยังคงได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าชั้นนำของโลก ที่ยังคงส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ในปีนี้ CPL จะยังคงได้รับคำสั่งซื้อในปริมาณเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น จากการปรับปรุงการผลิตและการขายให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนและปรับปรุงระบบการผลิตให้มีมาตรฐานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% เพื่อรองรับตลาดอื่นๆ รวมถึงผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจฟอกหนังสำเร็จรูป (Finished Leather) ที่ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนการผลิตหนังดิบ จากเดิมเป็นการผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมดเป็นการผลิตเพื่อใช้ในกิจการประมาณ 50% ของระบบผลิตรวม เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าจากแบรนด์สินค้าต่างๆ ทำให้สามารถบริหารจัดการสินค้าได้ดีขึ้น และการบริหารสินค้าคงคลังของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของแพงโกลินนั้น นอกจากจะแตกสายผลิตภัณฑ์ใหม่และมุ่งเน้นงานที่เป็น Solution Project มากขึ้นแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา ยังได้ปรับปรุงสาขาในประเทศ และแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าและมีการลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อเริ่มดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของทั้งสองประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นการขยายการทำตลาดสินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ในต่างประเทศอีกด้วย ในส่วนของการที่จะมีโครงการต่างๆของทางภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะการเดินหน้าของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่จะมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่อีกด้วย รวมทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชนเริ่มตระหนักถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้สินค้าเซฟตี้ โปรดักส์มีความต้องการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แพงโกลินเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย ที่ดำเนินกิจการต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและบริการ ส่งผลให้แพงโกลินเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นและมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ไปในส่วนของงานวิศวกรรม และสินค้าที่เป็นไฮ-เทคโนโลยีมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรองเท้านิรภัย 80,000 คู่ต่อเดือน และหมวกนิรภัย 60,000 ใบต่อเดือน ซึ่งเป็นสินค้าหลักและยังมีสินค้าที่ป้องกันภัยส่วนบุคคล รวมถึงอุปกรณ์การอำนวยความสะดวกและการจราจรในสถานประกอบการ