TK ปฏิเสธข่าวเจรจาซื้อ “เงินติดล้อ”

TK ปฏิเสธไม่เคยเจรจาเข้าซื้อบริษัท “เงินติดล้อ” เบนเข็มเพิ่มพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศ หวังดันเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 10% ตามเป้า ยันไม่ได้รับผลกระทบเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อเป็น “ลดต้นลดดอกเบี้ย”

นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร (TK) เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวว่า TK ได้เจรจาเพื่อขอซื้อหุ้นบริษัท เงินติดล้อ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยระบุว่า ไม่เคยมีการเจรจาหรือพูดคุยกัน จึงไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา TK มองหากิจการทั้งในและต่างประเทศที่จะเข้าไปร่วมลงทุนอยู่ตลอดเวลา โดยต้องเป็นธุรกิจที่เกื้อหนุนกับธุรกิจเช่าซื้อรถของ TK และขายในราคาที่ยอมรับได้

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร และล่าสุดทางธนาคารกรุงศรีฯก็ออกมาปฏิเสธข่าวแล้วว่าไม่มี”นายประพลกล่าว

น.ส.ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังยืนยันเป้าหมายเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่ระดับ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีพอร์ตสินเชื่อ 9,586 ล้านบาท แม้ว่าไตรมาสแรกปีนี้พอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นไม่มากหรือเพิ่มขึ้นเป็น 9,774 ล้านบาทเท่านั้น โดยไตรมาสที่ 2-4 พอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศ คือ ลาวและกัมพูชา จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบัน 500 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท ส่วนพอร์ตในประเทศยังคงเติบโตได้เช่นกัน

“เราตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 10% โดยพอร์ตในประเทศคงโตไม่มาก เพราะกำลังซื้อของเศรษฐกิจระดับฐานรากยังไม่ดี เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดี และเรายังคงเน้นที่การปล่อยกู้รถมอเตอร์ไซด์ทั่วไป เนื่องจากซื้อง่ายขายคล่อง ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศจะเติบโตเท่าตัวหรือเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทได้ในปีนี้”น.ส.ปฐมากล่าว

น.ส.ปฐมา ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้สัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ต้องเป็นแบบ “ลดต้นลดดอก” โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2561 ว่า จะไม่มีผลกระทบกับบริษัท เพราะลูกค้า TK ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่มากและไม่ค่อยปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ส่วนที่กระทรวงการคลังจะเข้าควบคุมอัตราดอกเบี้ยเช่าชื้อรถและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องอัตราดอกเบี้ย