HoonSmart.com>> “ไทยออยล์” มองราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ทรงตัวระดับสูงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง คาด WTI 60 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนเบรนท์ 65 – 70 เหรียญสหรัฐฯ
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) มองแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (6 – 10 ม.ค. 63) คาดจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงในระยะที่ 1 และคาดจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในวันที่ 15 ม.ค. นี้ นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในตะวันนออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น รวมถึง ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
บริษัท ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65 – 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2563 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังสหรัฐฯ สังหารนาย Qassem Soleimani ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านผ่านทางการโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้เหตุการณ์เผาสถานทูตในอิรัก
อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ โดยล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดค่ายกองกำลังติดอาวุธของอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้ ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่านเสียชีวิตและสถานการณ์ประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การประท้วงในสัปดาห์ที่ผ่านมาของผู้ประท้วงในอิรักส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับลดลงประมาณ 90,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบจะมีการทบทวนนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้งในเดือน มีนาคม 2563 ซึ่งหากตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุล กลุ่มผู้ผลิตอาจทยอยปรับลดกำลังการผลิตลดลง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต โดย EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.18 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2563 นำโดยการเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดการขุดเจาะลง
ส่วนเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการยูโรโซน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการจีน
อ่านข่าว