“รายใหญ่” ประสานเสียง การลงทุนปี 63 เน้นถือยาว

HoonSmart.com>>“เสี่ยรายใหญ่ “ ประสานเสียง  การลงทุนปี 63 ถึงทางตัน พ่าย AI และเศรษฐกิจโลก ระมัดระวังการลงทุน เน้นลงทุนระยะยาวกินเงินปันผล

นายนเรศ งามอภิชน นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนปี  2563 เน้นลงทุนระยะยาวมากขึ้น โดยมองผลตอบแทนในรูปเงินปันผล  เนื่องจาก ระยะหลังการลงทุนเปลี่ยนไปมาก เครื่องมือการลงทุน ไม่เอื้อการเก็งกำไร ทำให้ตลาดหุ้นขาดเสน่ห์ จะเห็นว่า นักลงทุนถอยออกจากตลาดหุ้นต่อเนื่อง

สำหรับนายนเรศ เอง จากที่เคยลงทุน 100 % ปัจจุบันลดเหลือ 30 % หุ้นที่ขายออกไป ไม่ซื้อเข้ามาเพิ่ม ส่วนหุ้นที่ถือลงทุนคงถือลงทุนระยะยาวต่อไปเช่นเดิม

“ การลงทุนของผมในปี 2562 ที่ผ่านมา ยังสร้างรายได้ให้กับโบรกเกอร์พันธมิตร  จาก 100 เหลือประมาณ 30 % ของค่านายหน้า  ปี 63 นี้ การลงทุนของผมยังเหมือนเดิม เน้นการลงทุนยาว เพื่อเงินปันผล  เครื่องมือการซื้อขาย ที่ใช้ AI ทำให้ตลาดหุ้นหมดเสน่ห์ หันหลังออกจากตลาดหมด “ นายนเรศ กล่าว

นายสมเกียรติ ธนัตถ์เจริญกุล หรือ “เสี่ยแตงโม” นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า การลงทุนปี 2563 หากภาพรวม เศรษฐกิจโลก ไม่ดีเช่นเดิม รวมทั้ง ประเทศไทย ก็คงไม่ดีเช่นกัน แต่ถ้าหากทิศทางมีแนวโน้มดีขึ้น  อาจจะกลับเข้าเก็งกำไรเหมือนอดีตได้ เพราะลับอาวุธ ไว้คมกริบ รอใช้อยู่แล้ว กลัวอาวุธจะขึ้นสนิมเหมือนกัน

ในทางกลับกัน หากแนวโน้ม เศรษฐกิจ โลก ไม่สามารถกลับมาดีได้ คงต้องรอจนกว่า เศรษฐกิจ โลก จะกลับมาดี หรือเครื่องมือทางเทคนิค มีแนวโน้มดี ก็จะเข้ามาเก็งกำไร

ส่วนการลงทุนระยาว คงลงทุนต่อไปเหมือนเดิม รอการเติบโตของบริษัท และรอรับปันผลทุก ๆ ปี เหมือนเคย

ภาพรวมการลงทุนของ “เสี่ยแตงโม” ปี 2562 ที่ผ่านมา 1. พอร์ตการเก็งกำไร เสียหายเล็กน้อย เพราะไม่ได้เก็งกำไรเหมือนอดีตที่ผ่านมา หากเทรดเหมือนอดีตที่ผ่านมา คงไม่รอด หากสถานการณ์ภาพรวมตลาดรวมไม่ดี ก็จะหยุดการเก็งกำไรเหมือนเดิม

ส่วนพอร์ตการลงทุนระยะยาว ยังลงทุนระยะยาวต่อไป เพราะบริษัทที่ลงทุน คือ EA ( พลังงานบริสุทธิ์)  ผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ตามแผนบริษัทที่ให้ข้อมูลกับทางตลาดหลักทรัพย์ ดีมากกว่าที่คิด เพราะบริษัทได้ขยายทำธุรกิจหลากหลายขึ้นมาก  บริษัท ฯ  ทำอะไรบ้างนั้น แทบไม่ต้องอธิบาย  นักลงทุนสามารถหาข่าวได้จากตลาดหลักทรัพย์

” ขณะนี้ผมให้ความสนใจธุรกิจหอพัก หรือแมนชั่น รายได้อาจจะน้อยนิด เฉลี่ยกำไรต่อปี ประมาณ 4-7 % ต่อปี  ผมมองว่า ธุรกิจด้านนี้ ไม่มีความเสี่ยง แต่ข้อเสีย รายได้อาจจะน้อย แต่ก็ได้แน่นอนมั่นคง ผมจะทำโรงแรมเล็ก ๆ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน เพราะลูกสาวคนโตเรียนจบ ป. โท การโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ผมก็คงไปช่วยลูกสาว โดยให้ข้อคิดบางส่วนกับลูกบ้าง ลูกจะได้มีกำลังใจในการทำงานครับ อาจเป็นเพราะในอดีต ผมใช้ชีวิตการลงทุน เหมือนอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ จะขาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันนี้ ผมอาจจะอายุมากแล้ว การลงทุนแบบมีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง ผมคงต้องถอยห่างบ้าง อยากจะเสาะหาธุรกิจที่มั่นคง ผลตอบแทนอาจจะน้อย แต่ก็นอนหลับแบบมีความสุขครับ”

สำหรับ “เสี่ยแตงโม” ย้ายถิ่นฐานจากอ.หาดใหญ่ สงขลา เมื่อ  13 ปีก่อน  ที่มาอยู่เมืองเชียงใหม่ ได้ซื้อที่ดินสะสมมาตลอด ปัจจุบันนี่ ราคาที่ดิน ปรับขึ้นมาหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันนี้ ราคาที่ดินเชียงใหม่ ราคาแพงมาก ๆ   ไม่น่าสนใจ จึงได้หันเหไปที่ธุรกิจหอพัก แทน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ แต่รายได้แน่นอน มั่นคง

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” นักลงทุนด้านเทคนิค  กล่าวว่า  หมดความเชื่อมั่นในตัวเอง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาและการลงทุนในปี 2563  หลังจากช่วงปี 2561 แพ้ตลาด ขาดทุนเกือบ 10 % และปี 62 แม้จะดีขึ้นแต่ยังติดลบประมาณ 2 % ขณะที่ตลาดให้ผลตอบแทน 1 %

“ ปี 62 ที่ผ่านมา พยายามปรับตัวสู้กับตลาด แต่ไม่ไหว ทำให้ผมหมดความมั่นใจตัวเอง ยอมรับตรง ๆ ปี 2563 นี้ ยังต้องเฝ้าระวังตัวต่อไป จากสัญญาณเทคนิค มีสัญญาณให้ระวัง ตกหนัก ๆ แล้วรอเก็บ  หมดยุคที่พวกผม หรือนักลงทุนรุ่นเก๋า จะเล่นเก็งกำไรสั้น ๆ  ต้องหันมาถือยาวมากขึ้น ยุคนี้เป็นของเด็กรุ่นใหม่ เล่นอนุพันธ์ บล็อกเทรด DW “ เสี่ยป๋อง กล่าว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย ) (KTBST) คาดว่า ภาพการลงทุนยังคงคล้ายคลึงกับปี 2562 แต่ความผันผวนจะลดลง จาก 3 ปัจจัยหลัก คือ

1.การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. 2563  จากอดีตพบว่าช่วงการเลือกตั้งจะเกิด “Election rally” คือ ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา จะให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก

2. รูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปลี่ยนจากนโยบายทางการเงิน สู่นโยบายทางการคลัง ในการป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Policy switching)  นโยบายที่คาดว่าประเทศพัฒนาแล้วจะนำมาใช้คือ การลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้

3. สถานการณ์สงครามการค้าเบนเข็มสู่ยุโรป ทาง KTBST คาดว่า ข้อตกลงทางการค้า Phase 1 น่าจะสามารถบรรลุได้ในช่วงเดือนมกราคม  ทำให้ภาคการผลิตเริ่มกลับมาวางแผนผลิตเพื่อเพิ่มสินค้าคงคลังให้กลับมาสู่ระดับปกติ และส่งผลให้เกิดนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถชนะการเลือกตั้งได้ จะหันกลับมาทำสงครามทางการค้ากับยุโรป เพื่อชดเชยการขาดดุลทางการค้า

“ความกังวลในปี 2563 คือ สงครามการค้ายังไม่แน่นอน จากเดิมที่คาดการณ์ว่า จะเริ่มดีขึ้นภายในไตรมาส 1 / 63 ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจทั่วโลกและกำไรของตลาด รวมถึงทิศทางการเมืองของไทย ยังต้องติดตาม เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง  ถ้ามีเสถียรภาพดี มีเสียงมากขึ้น ก็จะดีต่อตลาดทุนไทย”

สำหรับกลยุทธ์ลงทุน  2563 คาดการณ์ว่า ดัชนีฯ ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสขึ้นแตะ 1725 จุด ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้น  โดยขึ้นกับ 2 ตัวแปรสำคัญคือ  สงครามการค้าจบในรูปแบบใดและทิศทางการเมืองของไทย   แนะนำเลือกหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรและหุ้นที่ไม่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่ดี (20-30% ของพอร์ตหุ้น) เช่น หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ดาวเด่นของปีก่อน กำไรอาจดูมั่นคง แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมามาก ปีนี้จึงเหมาะกับการเล่นรอบสั้น ๆ มากกว่า โดยหุ้น top pick จะเป็น BGRIM

หุ้นที่ถูกกระแส Disruption อาทิเช่น ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อทีวี การลงทุนในหุ้นที่ถูกกดดันจากเรื่องนี้ ต้องติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลและสื่อนอกบ้าน (VGI, PLANB) สองกลุ่มนี้คาดเป็นกลุ่มที่ภาวะธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดี

ทั้งนี้ หุ้นที่ KTBST จัดเป็น top picks ของปี 2563 เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มกำไรที่ขยายตัวดี มีปัจจัยบวกสนับสนุน ประกอบด้วย  COM7, BCH, CBG, BTS, SPALI, KTC