ต่างชาติหนีการเมือง ทิ้งหุ้นไทยดิ่ง 24 จุด

HoonSmart.com>>ต่างชาติ-กองทุน ตื่นขายหุ้นไทย  ชิงหนีการเมืองส่อเค้าวุ่น กดดัชนีหุ้นร่วงปิดต่ำสุดของวัน 24 จุด ผสมโรงหุ้นกัลฟ์ ฯ ถูกกระหน่ำขาย ลือสะพัดเป้าแบงก์กรุงเทพขายหาเงินไปซื้อแบงก์อินโด ด้าน “ พิเชษฐ” บิ๊กโบ้ บล.บัวหลวง ปัดข่าวลือ ชี้แบงก์มีวิธีหาเงินหลายวิธี ตลาดหลักทรัพย์ชูบริษัทไทยใหญ่ติดอันดับโลก AOT เป็นเบอร์ 1  BDMS ติดอันดับ 3  และ SCC อันดับ 8  ส่วนพี่ใหญ่ในอาเซียนมี 7 บริษัท 

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันที่ 16 ธ.ค. 62  ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน และไหลลงหนักภาคบ่าย ปิดที่จุดต่ำสุดของวัน 1,549.74 จุด ลดลง 24.17 จุด มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 53,908.69 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิหนัก 4,831.61 ล้านบาท สถาบัน-กองทุนไทย ไม่ช่วยรับหุ้น แต่กลับผสมโรงขาย 1,119 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงสาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับลดลงอย่างหนักในวันนี้ ว่า มาจากปัญหาการเมืองในประเทศเป็นหลัก  ซึ่งเริ่มมีน้ำหนักและส่งผลกระทบเชิงลบมากขึ้น ทั้งในและนอกสภา จากการชุมนุมเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน สะท้อนจากต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องมา 2-3 วันติดต่อกัน หากมีการออกพระราชกำหนดควบคุมความสงบ จะช่วยกระตุ้นแรงขายมากขึ้น

แนะนำกลยุทธ์ช่วงนี้ เลือกเก็บหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกมีปันผลสม่ำเสมอ ดัชนีหลุดแนวรับแรกที่ 1,550 จุด มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,545 จุด

ขณะเดียวกันหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ( GULF )  ถูกขายออกมาหนัก  ร่วง 10 บาท ปิดที่ 161.50 บาท จากกระแสข่าวลือธนาคารกรุงเทพ ( BBL ) เทขายหุ้นเพื่อนำเงินไปซื้อแบงก์อินโดนีเซีย สวนทางหุ้น BBL ช่วงเช้าปรับตัวดีขึ้น ไปที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท  จากราคาที่ตกหนักก่อนหน้า 2 วัน แต่ช่วงบ่ายไม่สามารถฝืนภาวะตลาดรวมได้ ลงมาปิดเสมอตัว 151.50 บาท

เรื่องดังกล่าวนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการอำนวยการ บล.บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ ในเครือธนาคารกรุงเทพ บอกว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว และไม่เกี่ยวที่ต้องขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไปซื้อแบงก์อินโดนีเซีย  เนื่องจากธนาคารมีหลายวิธีการหาเงิน

ขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมตลาดหุ้นไทย 27 กลุ่ม หุ้นไทย มีขนาดใหญ่ติด Top 10 ของโลก 3  ได้แก่ กลุ่มสนามบิน กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยใช้มาร์เก็ตแคปในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับ

AOT มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มสนามบิน , 2. BDMS มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในกลุ่มการแพทย์ และ  3. SCC มีมาร์เก็นแคปใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

เมื่อพิจารณาในระดับอาเซียน หุ้นไทยมีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ใน 7 อุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มสนามบิน กลุ่มการแพทย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงแรม และกลุ่มค้าปลีก

อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนหุ้นที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม จึงคำนวณอันดับของหุ้นไทยเทียบกับจำนวนหุ้นทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น พบว่า หุ้นไทยใหญ่ติดอันดับ top decile หรือ อยู่ในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 10% แรกของอุตสาหกรรมใน 17 กลุ่มอุตสาหกรรม

ด้วยศักยภาพของธุรกิจไทย โอกาสในการเติบโตจะสะท้อนในราคาหุ้น และมาร์เก็ตแคปที่เพิ่มขึ้น และมีอันดับที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับหุ้นทั่วโลกในปีต่อ ๆ ไป