HoonSmart.com>>EPG โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 62/63 มีรายได้จากการขาย 2,763 ล้านบาท กำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท 12 ธ.ค.นี้
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 62/63 (ก.ค.62 – ก.ย.62) ว่า บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,762.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,682.3 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 80.2 ล้านบาท คิดเป็น 3.0% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30.5% จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ได้รับผลบวกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 326.3 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 262.1 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 64.2 ล้านบาท คิดเป็น 24.5%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 805.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายของบริษัทเติบโตจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งผลักดันให้รายได้จากการขายทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และสงครามการค้าที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างชะลอตัว
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,332.5 ล้านบาท หรือลดลง 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ รายได้จากการขายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นแต่รายได้จากการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งโดยรวมแล้วรายได้จากจากขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 624.4 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นทำตลาดเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการสินค้ามาตรฐานสูง และกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่ม
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 กันยายน 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท (สิบสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 280 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 นี้