BGRIM กำไร 1,922 ลบ. โต 10% 9 เดือน

HoonSmart.com>>BGRIM ฟอร์มดี โชว์กำไรสุทธิ ไตรมาส 3/2562  รับรู้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนามเต็มไตรมาส จับมือ Petro Vietnam Power Corporation-JSC ศึกษาการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ LNG เป็นเชื้อเพลิงในเวียดนาม นำเข้าและจำหน่าย LNG โชว์ศักยภาพติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน ปีที่สองติดต่อกัน ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2562 มีกำไรสุทธิ 763 ล้านบาท ลดลง 4.02% จากที่มีกำไรสุทธิ 795 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 1,922 ล้านบาท เติบโต 10.90% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ เพิ่มขึ้น 21% เป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 856 เมกะวัตต์(MW) ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 11 โครงการ

บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,287 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 763 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงและรายจ่ายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,225 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือใหญ่ 715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 24.3% จากไตรมาสก่อนและถือเป็นระดับที่สูงที่สุด

ในไตรมาส 3/2562 บริษัทรับรู้ผลการดำเนินงานจากการขยายกำลังการผลิต โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม (DT1&2 และ Phu Yen TTP) และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam Che 1 ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย. ประกอบกับปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของโครงการโรงไฟฟ้า ABP3 ที่ลดลง หลังจากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี ขณะที่อัตรากำไร EBITDA เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28.3% จากสัดส่วนรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งให้อัตรากำไร EBITDA ในระดับสูง

นอกจากนี้บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับ PetroVietnam Power Corporation-JSC (รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของเวียดนาม) เมื่อต้นเดือนพ.ย. เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิตรวม 3,000 เมกะวัตต์ รวมถึงการนำเข้าและจำหน่าย LNG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม Interchem กำลังการผลิตติดตั้ง 4.8 เมกะวัตต์ เดินหน้าก่อสร้างตามแผน มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้ว 87% โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนธ.ค. 2562

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 8% ในขณะที่กำลังการผลิตจากโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 2% ตอกย้ำการเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาค และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการใหม่อีกเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เป็นต้น ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ได้ทยอยลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและก่อสร้างในประเทศไทย โอมาน และฟิลิปปินส์ รวมแล้วกว่า 60 เมกกะวัตต์

สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมนั้น โครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 5 ของบริษัทได้รับใบอนุญาตทั้งหมด พร้อมทั้งหนังสือตอบรับการซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ที่มีอายุสัญญา 25 ปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้า ABP1 ซึ่งหมดอายุสัญญากับ กฟผ. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงการต่ออายุรับซื้อไฟฟ้าออกไปอีก 3 ปี ก่อนที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมจะแล้วเสร็จ

นอกจากนี้บริษัทยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน“Thailand Sustainability Investment (THSI)” ประจำปี 2562 ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เป็นการตอกย้ำเป้าหมายการเป็นบริษัทเอกชนชั้นนำระดับสากลที่มีความโดดเด่น และดำเนินธุรกิตตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และธรรมมาภิบาล