HoonSmart.com>> “ดีโอดี ไบโอเทค” ประเมินโค้งสุดท้ายสดใส ออเดอร์เข้าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ ชู “อัลทิมา ไลฟ์” กระแสตอบรับดี หนุนรายได้เพิ่ม งวดไตรมาส 3/62 กวาดรายได้รวม 219.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.76% กำไรสุทธิ 15.14 ล้านบาท ลด 79% เหตุค่าโฆษณา ส่งเสริมการขายกลุ่มธุรกิจเครือข่ายเพิ่มขึ้น จ่ายครั้งเดียว 11.91 ล้านบาท พร้อมกำหนดวันใช้สิทธิ DOD-W1 ครั้งแรก 29 พ.ย.นี้
นายธนา รังสิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2562 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดออเดอร์ ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 80%) ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง ภายใต้ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ One Whey (เวย์โปรตีน) , Levarean ( เลวารีน ), Prepo Fiber and Detox (เพรโป), Callox (แคลล็อกซ์), Zinegra (ซิเนกร้า) ,DOD H.Coffee (ดีโอดี เอช. คอฟฟี่) และ R3verse Vine (อาร์3เวิสวายน์) โดยล่าสุด DOD มีออเดอร์ใหม่ เข้ามาแล้วมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่างและผิวพรรณ,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ
“ล่าสุด DOD มียอดออเดอร์ใหม่ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่รอการส่งมอบในช่วงไตรมาส 4/2562 คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ขณะที่อัลทิมา ไลฟ์ ได้ตั้งเป้ายอดขายตรง ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ระดับ 150 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถขยายฐานกลุ่มสมาชิกเป็นตัวแทนขายภายในสิ้นปีนี้แตะจำนวน 35,000 ราย จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 21,000 ราย ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายได้อย่างมีนัยสำคัญ ”นายธนา กล่าว
ด้านน.ส.สุวารินทร์ ก้อนทอง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบริหารทั่วไป กล่าวว่า ไตรมาส3/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 219.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.76% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 24.73 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจเครือข่าย 44.72 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 15.14 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวน 57.61 ล้านบาท หรือลดลง 79.20%
ส่วนผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯมีรายได้รวม 471.49 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวน 134.79 ล้านบาท หรือ 22.23 % และ มีกำไรสุทธิ 73.30 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 75.24 % สาเหตุเนื่องจาก บริษัทฯ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจเครือข่าย อาทิ ค่าโฆษณา ค่าส่งเสริมการขาย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียว (One Time) จำนวน 11.91 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน จะไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทฯ คาดไว้ แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เพื่อให้สอดรับกับแนวทางพัฒนาการให้บริการในรูปแบบ One Stop Service Solution เพื่อสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบริหารทั่วไป ยังได้กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงความจำนงผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯครั้งที่ 1 (DOD-W1) กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรกในวันที่ 29 พ.ย.2562 โดยระยะเวลาแสดงความจำนงในการใช้สิทธิภายใน 5 วันทำการก่อนวันใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 22 – 28 พ.ย.2562 โดยอัตราการใช้สิทธิ DOD-W1 ในอัตรา 1 หน่วยมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น กำหนดราคาใช้สิทธิเท่ากับ 15.75 บาทต่อหุ้น (เว้นแต่จะมีการปรับราคาใช้สิทธิตามเงื่อนไขการปรับสิทธิ)
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับลดประมาณการปี 2562 และ 2563 ของ DOD สะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวมากกว่าที่คาด โดยคงคำแนะนำ “เก็งกำไร” ซึ่งมองว่าผลประกอบการจะผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตปีหน้า แต่คาดว่าระยะสั้นราคามีโอกาสปรับลดลงจากผลประกอบการที่ชะลอตัว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2562 คาดฟื้นตัว จากฐานที่ต่ำ และรายได้จากธุรกิจขายตรงที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อน
ด้านราคาหุ้น DOD ณ เวลา 11.14 น. อยู่ที่ 8.35 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ -11.64% มูลค่าซื้อขาย 62.58 ล้านบาท จากราคาเปิด 8.60 บาทและขยับสูงสุด 8.90 บาท ก่อนดิ่งลงแตะ 7.30 บาท