ILM พุ่ง 10% รับกำไรโต 57% โบรกฯ แนะซื้อเป้า 21.30 บาท

HooSmart.com>> นักลงทุนเก็งกำไร ILM ราคาพุ่ง 10% รับกำไรไตรมาส 3/62 เติบโต 57% “บล.เอเซีย พลัส” แนะนำ ซื้อ เป้า 21.30 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ILM (อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์) พุ่งตั้งแต่เปิดตลาดเช้าวันที่ 12 พ.ย.2562 ณ เวลา 10.17 น. อยู่ที่ 18 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท หรือ 10.43% มูลค่าซื้อขาย 44.21 ล้านบาท จากราคาเปิด 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาทและขึ้นแตะสูงสุด 18.20 บาท

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2563 อยู่ที่ 21.30 บาท หลังแจ้งงบไตรมาส 3/2562 กำไรเติบโต 57.8% แต่หากไม่รวมประโยชน์ภาษี จะเติบโตราว 17.8% จากงวดปีก่อน หลักๆ จากการเพิ่มประสิทธิภาพภายในที่ดีขึ้น ทั้ฝ Gross margin ที่เพิ่มเป็น 45% จาก 42.8% ในไตรมาส 3/2562 บวกกับ การเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง (+5% จากงวดปีก่อน) ช่วยชดเชย SSSG ที่หดตัวราว 2% จากงวดปีก่อน ในงวดไตรมาส 3/2562 หนุนกำไร 9 เดือน ปี 62 คิดเป็น 80.1% ของประมาณการปี 62

ขณะที่ไตรมาส 4/2562 ซึ่งเป็น High season ของธุรกิจ บวกกับ แรงหนุนมาตรการชิม ช้อป ใช้+ลดค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง จึงปรับเพิ่มกำไรปี 62-63 เฉลี่ย 14.3% ต่อปี หลักๆจากการปรับลดสมมติฐานอัตราภาษีจ่าย และปรับเพิ่ม Gross margin ได้กำไรปี 2562 เติบโต 17.6% และเติบโตเฉลี่ย 6.5% ปี 2563-2564

“ฝ่ายวิจัยปรับใช้มูลค่าพื้นฐานปี 6253 ที่ 21.3 บาท โดยปรับ LT Growth ลงเป็น 1.5% จาก 2.5% สะท้อนเศรษฐกิจ+ตลาดอสังหาฯซบเซา แต่ราคาปัจจุบันที่ตอบรับประเด็นลบมากเกินแล้ว จึงยังแนะนำ ซื้อ”บล.เอซีย พลัส ระบุ

น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 กำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีขีดความสามารถการทำกำไรที่ปรับตัวดีอย่างโดดเด่น หลังจากได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโตขึ้น 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,347 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตทั้งจากรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้เช่าและบริการ จากการเปิดสาขาใหม่ รวมถึงการเติบโตอย่างโดดเด่นของเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดแบรนด์ ‘Younique Customized Furniture 4.0’ ยอดขายออนไลน์ และการเติบโตของยอดขายโครงการในประเทศ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน

สำหรับผลกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นผลมาจากส่วนผสมสินค้า (Product Mix) ที่มีสัดส่วนการขายเฟอร์นิเจอร์ที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ภายใต้แบรนด์ Younique Customized Furniture 4.0 ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบสั่งตัดด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์กลุ่มอื่นๆ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี รวมถึงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เดินกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้จากการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุนโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

อย่างไรก็ตามหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงมองหาทำเลที่มีศักยภาพเพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนขยายสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ รวมถึงการขยายสาขา Younique Customized Furniture 4.0 ภายในอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ อย่างต่อเนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 ที่มีทั้งสิ้น 10 สาขา เพื่อนำเสนอเฟอร์นิเจอร์แบบสั่งตัดที่เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาผนวกเข้ากับการผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินให้แก่ผู้บริโภค

ส่วนการเปิดร้าน WINNER แบบสแตนอโลน ซึ่งเป็นโมเดลขยายสาขารูปแบบใหม่ ที่บริษัทฯ ลงทุนและบริหารร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เอง (COCO) โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีกในอนาคต หลังจากเปิดบริการสาขาแรกแล้วในจังหวัดราชบุรีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อกระจายการลงทุนในจังหวัดหัวเมืองรอง นอกจากนี้จะขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้รูปแบบการให้สิทธิแฟรนไชส์ โดยมีแผนเปิดให้บริการอีก 1 สาขาในประเทศเวียดนาม หลังจากเปิดบริการสาขาแรกเป็นที่เรียบร้อยเมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา