TOP ขาดทุน 682 ลบ.แย่กว่าคาด เจอหยุดซ่อมใหญ่-ขาดทุนสต๊อกซ้ำธุรกิจ

HoonSmart.com>>”ไทยออยล์” ขาดทุน 682 ล้านบาทไตรมาส 3/2562 สวนทางนักวิเคราะห์คาดจะมีกำไรเล็กน้อย  ส่วนหนี้สินลดลงจากเงินบาทแข็งช่วยลดภาระหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ 

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2562 ขาดทุนสุทธิ 682 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 4,558 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิเพียง 4,292 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 14,961 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า ในไตรมาส 3/ 2562 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 3.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 270 พันบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากไตรมาส 2/2562 เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามวาระของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 3 ( CDU-3) และหน่วยผลิตอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยผลิตสารอะโรเมติกส์ ตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2562 ทำให้มีรายได้จากการขายและ EBITDA จำนวน 82,329 ล้านบาท และ 945 ล้านบาท ตามลำดับเมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และการกลับรายการภาษีเงินได้ ทำให้มีขาดทุนสุทธิ 683 ล้านบาท

ส่วน 9 เดือนแรกปีนี้ กลุ่มบริษัทฯมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวม ผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 5.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีปริมาณวตัถุดิบที่ป้อนเข้าสู่ กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 294 พันบาร์เรลต่อวัน ทำให้มีรายได้จากการขายและ EBITDA จำนวน 265,916 ล้านบาท และ 9,906 ล้านบาท ตามลำดับเมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ทำให้มีกำไรสุทธิ 4,292 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562 กลุ่มไทยออยล์มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 255,863 ลดลงจากสิ้นปีก่อน 12,750 ล้านบาท สาเหตุหลักจากเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนชั่วคราวลดลง จากการชำระคืนหุ้นกู้สกุลเงินบาทตามกำหนดชำระการจ่ายเงินปันผล และการลงทุนในโครงการต่างๆ ตามแผนงาน

ส่วนหนี้สินลดลง 8,766 ล้านบาทจากสิ้นปีก่อน มาอยู่ที่ 133,375 ล้านบาท เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ลดลงตามมูลค่าหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากสิ้นปี 2561

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดว่า TOP จะมีกำไรเล็กน้อยในไตรมาส 3/2562  ค่าการกลันที่ดีขึ้นไม่เพียงพอชดเชยผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานและขาดทุนสต๊อกน้ำมันจำนวนมาก 1,200 ล้านบาทได้  หากหักรายการพิเศษ มีกำไรปกติ 1,000 ล้านบาท  และรวมผลงาน 9 เดือนทำได้น้อยกว่าคาด ปรับลดประมาณกำไรปี 2562-2563 ลง 21-33% คาดไตรมาส 4 ปื้น แนะนำรอดูสถานการณ์หลังประกาศงบไตรมาส 3 ก่อนพิจารณาเข้าลงทุน ให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า 70 บาท

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)คาดว่า TOP จะมีกำไร 340 ล้านบาท ยังอ่อนแอจากกลุ่มปิโตรเคมี แม้ส่วนต่างราคาโรงกลั่นจะฟื้นตัวจากไตรมาส  2 แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษในการปิดซ่อม 650 ล้านบาท ขาดทุนจากสต๊อก 1,167 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบลดลง แนะนำทยอยซื้อ ราคาพื้นฐานปีนี้ที่ 75.50 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ 12 รายให้ราคาเฉลี่ย 75.13 บาท และราคากลาง 75.50 บาท UOBKHST ให้มูลค่าสูงสุด 81 บาท และบล.เคทีซีมิโก้ให้ต่ำสุด 65 บาท