HoonSmart.com>>บริษัทวิลล่า คุณาลัย (KUN) เป็น Local Brand อสังหาริมทรัพย์แนวราบ ย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ศูนย์กลางของแหล่งที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพฝั่งตะวันตกมากว่า 10 ปี และมีการขยายตลาดในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมี “ประวีรัตน์ เทวอักษร’ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการผู้อำนวยฝ่ายการตลาดของบริษัท ซึ่งกำลังเร่งสร้างธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อเป็นต้นไม้ที่พร้อมจะเติบโหญ่ และมีเพื่อนที่ดีร่วมเดินทางไปด้วยกัน…
เธอเป็นลูกสาวของ “ปกรณ์ ศังขวณิช” เจ้าของบริษัท คุณาลัย นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บุกเบิกการสร้างเมืองย่านบางบัวทองในยุคแรก ๆ ตั้งแต่ปี 2530 ก่อนที่จะประสบวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในช่วงเวลานั้นครอบครัวมีหนี้สูงถึง 5,000 ล้านบาท นับเป็นลูกหนี้รายแรกๆที่ขอเข้าเจรจากับแบงก์ จนปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จ พร้อมเปิดทางให้ลูกๆ ทุกคนแยกตัวออกไปก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง โดยมี “พ่อ”ที่เก่งในเรื่องการก่อสร้าง การออกแบบ และมีแม่ “อารีย์ ศังขวณิช” ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นนักการตลาดและนักเจรจาซื้อที่ดิน เป็นที่ปรึกษาชั้นยอด เปรียบเสมือนเป็นต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงได้ตลอดเวลา
บริษัทวิลล่า คุณาลัย ยังมีรากแก้วที่แข็งแรงมาก จากโครงการมากมายที่พ่อสร้างมา มีบ้านนับหมื่นหลัง อยู่ในบางบัวทอง เป็นฐานตลาดที่ยั่งลึกและกว้างขวาง เป็นตลาดที่สำคัญของบริษัท สร้างสายสัมพันธ์ในการทำการตลาดแบบลูกโซ่ ส่งมอบความมั่นใจสู่รุ่นต่อลูก เมื่อพ่อแม่มาอยู่แล้วอบอุ่นสบายใจ เวลาที่ผ่านไป ลูกๆเติบใหญ่ อยากสร้างครอบครัวใหม่ พ่อแม่ก็แนะนำให้ลูกมาซื้อโครงการของบริษัท พ่อแม่หลายคนออกเงินดาวน์ให้ลูกผ่อนต่อ และยังมีลูกค้าแนะนำกันมาเป็นทอดๆ ทำให้บริษัท “ทำการตลาดแบบปากต่อปาก” ใช้งบไม่มากนัก ลูกค้ามีอายุเฉลี่ยลดลงจาก 35-45 ปี ปัจจุบันลงมาอยู่แถว 25-45 ปี ส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก ซื้อเพื่ออยู่จริง ๆ โครงการมีบ้านปล่อยว่างน้อยมาก และไม่มีการทิ้งดาวน์ แม้กระทั่งในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็มาโอนบ้านครบทุกหลัง ทำให้บริษัทมีเงินช่วยลูกบ้าน และทำโครงการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ที่สำคัญ เรายังมีเพื่อนสนิทของพ่ออีกหลายคนที่ผ่านช่วงเลวร้ายมาด้วยกัน ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นและบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่ดีอีกด้วย
” เรามีแฟนคลับบางบัวทอง ลูกค้าประมาณ 30-50% เป็นลูกค้าที่บอกต่อ ช่วยให้เราใช้งบการตลาดไม่มาก ประมาณ 5% ของโครงการ เมื่อเรามาทำเอง จะต้องตั้งใจ และแม่นยำในเรื่องการตลาด เราสามารถตอบโจทย์ในการพัฒนาอสังหาฯในย่านนี้ได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกมิติ ด้วยแนวคิด “คุณาลัย สร้างพื้นที่ สร้างความสุข” “
หัวใจสำคัญของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นอกจากเรื่องการตลาดที่แม่นยำแล้ว เรื่องสภาพคล่องและต้นทุนทางการเงินก็มีความสำคัญเช่นกัน จะต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆได้ เพราะราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงานเป็นราคาเดียวกันหมด
เธอจึงวางพันธกิจตั้งแต่เริ่มโอนบ้านหลังแรก เมื่อปี 2551 ว่าขอเวลา 10 ปี ในการเดินทางนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นให้สำเร็จ ดังนั้นระหว่างทางจะต้องสร้างจุดแข็งแข่งกับอสังหาฯรายใหญ่ของประเทศ ทุกๆปีจะต้องทำต้นไม้ให้ใหญ่ขึ้น จะต้องทำโครงสร้างทางการเงินที่ดี โดยมีบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีตั้งแต่ปี 2559 และในปีต่อมาได้วางระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวม (ERP) สามารถเรียกข้อมูลแบบเรียลไทม์ขึ้นมาดูได้ทันที ทั้งการขาย รายได้ และต้นทุน ช่วยเพิ่มประสิทธิในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
จุดสำคัญและจุดสำเร็จของบ้านจัดสรร คือพื้นฐานในการจัดระบบ ระเบียบเรื่องการเงิน เพราะธรรมชาติของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ โครงสร้างทางการเงินจะต้องแข็งแรง จากประสบการณ์ที่เคยร่วมทีมในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทคุณพ่อ หลังจากเพิ่งจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่กล้าเสี่ยง ระมัดระวังการก่อหนี้มาก ในการขยายโครงการ เงินทุนส่วนใหญ่มาจากการหมุนเงิน แต่บางครั้งก็พลาดโอกาสสำคัญในการซื้อที่ดินแปลงสวยงามในราคาไม่สูงเกินไปนัก หรือไม่มีเงินสร้างบ้านไม่ทันกับความต้องการที่เข้ามา จึงต้องนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น
นอกจากนั้น การที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเกียรตินาคินดีมาก หลังจากแบงก์เห็นความตั้งใจในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่านมา คุณพ่อขายทุกอย่าง เพื่อรักษาชื่อเสียงให้ลูกหลาน แต่การพึ่งพาธนาคารเกียรตินาคินเพียงแห่งเดียว ถือเป็นความเสี่ยง จะต้องเพิ่มช่องทางเงินทุนที่หลากหลาย มีต้นทุนการเงินใกล้เคียงกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ถึงจะแข่งขันในธุรกิจนี้ต่อไปได้
“คนอสังหาริมทรัพย์ เล่มเกมส์ใหญ่ ต้องใช้เงินหลายร้อยล้านบาทในการซื้อที่ดิน ทำโครงการขนาดใหญ่หลายเฟส และจะต้องทำโครงการที่ใหญ่ยิ่งขึ้น ต้องได้รับการสนับสนุนจากธนาคารหลายแห่ง ที่ผ่านมาเราใช้เงินจากกระแสเงินสด เพราะต้องยอมรับว่า แต่ก่อนระบบบัญชีไม่ดี ทำให้มีการซื้อที่ดินผิดเวลา การวางแผนการใช้เงินสะดุด และพลาดโอกาสสำคัญหลายครั้ง”
เช่นเดียวกัน การให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้า ก็ต้องใช้ธนาคารหลายแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ เช่นกรณียื่นเรื่องแล้วติดเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้แบงก์แห่งใหม่ที่ไม่มีเงื่อนไขเหล่านั้น
และที่สำคัญ การที่บริษัทวิลล่า คุณาลัยมีโครงการอยู่ในบางบัวทอง ถือเป็นจุดที่ดี หากลูกค้ายังขอสินเชื่อไม่ได้ มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ บริษัทช่วยเป็นที่ปรึกษาในการปรับปรุง แม้ว่าบางครั้งต้องใช้เวลานาน แต่ในที่สุดลูกค้าก็ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ โดยเลือกซื้อบ้านในอีกโครงการหนึ่ง ที่ยังอยู่ในบางบัวทองอย่างที่ต้องการได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม โครงการของบริษัทกระจุกตัวอยู่ในบางบัวทองทั้งหมด ก็เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจ จึงมองหาทำเลใหม่ ในอำเภอเมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมนำองค์ความรู้และชื่อเสียงที่สั่งสมมาไปต่อยอดเพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด”สุขใจอยู่บ้านชานเมือง”ในทำเลอื่นให้ครบ 4 ทิศรอบกรุงเทพมหานคร
ขณะเดียวกัน อำเภอบางบัวทองยังเป็นทำเลทอง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดี และในพื้นที่ไม่มีคู่แข่งรายใหญ่ ขณะที่ยังมีความต้องการซื้อสูงมาก แต่ปัจจุบันกำลังจัดสรรผังเมืองใหม่ ทำให้การขอใบอนุญาตยากขึ้น บริษัทขอเตรียมรองรับไว้แล้ว มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่หลายโครงการ สามารถสร้างรายได้ได้อีกหลายปี
ทั้งนี้ตามไฟลิ่งล่าสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2562 บริษัทฯ สามารถปิดการขายโครงการได้แล้วตั้งแต่ดำเนินกิจการมีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 7 โครงการ และโครงการในอนาคตอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,172 ล้านบาท
ทางด้านผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีกำไรสุทธิ 27.96 ล้านบาท จากรายได้รวม 303.84 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 28.79% อัตรากำไรสุทธิ 9.20% เปรียบเทียบกับในปี 2559 – 2561 กลุ่มบริษัทฯ รายได้รวม 297.50 ล้านบาท 450.38 ล้านบาท 447.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5.94 ล้านบาท 10.80 ล้านบาท 11.56 ล้านบาทตามลำดับ
เห็นพัฒนาการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท วิลล่า คุณาลัย จากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ มั่นใจได้ว่าเมื่อบริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น นำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทจะบริหารเงินที่ระดมมาให้เกิดผลประโยชน์คุ้มค่า ด้วยความเสี่ยงไม่สูงนัก นำประสบการณ์วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นบทเรียนและนำองค์ความรู้มาสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน