บิ๊ก “เรียลเซคเตอร์” กำไรเกินคาด ADVANC เงินสดแกร่ง ยันปันผลสูง

HoonSmart.com>>บริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มเรียลเซคเตอร์ ทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2562 ออกมา พบว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จากในประเทศ  กำไรไม่ได้แย่อย่างที่กังวลกันว่าจะชะลอตัวลงแรงตามภาวะเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นว่าธุรกิจยังคงขยายตัวต่อไปได้ สนับสนุนให้หุ้นได้รับความสนใจมากขึ้น  

ยกตัวอย่างเช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)  มีกำไรสุทธิ 8,800 ล้านบาท เติบโต 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังทำได้มากกว่า ไตรมาส 1 และ 2  ส่งผลให้ภาพรวม  9 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 5% เป็น 24,124 ล้านบาท เช่นเดียวกับบริษัท  โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) กำไรสุทธิโต 8% เป็น 1,482 ล้านบาท รวม 9 เดือน กำไรทั้งสิ้น 4,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%  และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ. (PTTEP) มีกำไรสุทธิ 11,019 ล้านบาทเติบโต 5% แม้ว่าจะทำได้น้อยกว่าในไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมา แต่รวม 9 เดือนแรกปีนี้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 35% เป็น  37,182 ล้านบาท

หัวใจสำคัญที่ทำให้บริษัทเหล่านี้มีกำไรเพิ่มขึ้น  เพราะวางกลยุทธ์และปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลง  

“ADVANC” อยู่ในสมรภูมิการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มานาน และเห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าหันมาใช้ดาต้ามากขึ้น จึงปรับราคาแพ็กเกจรายเดือนรองรับ  ทำให้รายได้หลักจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่โตขึ้น ต่อยอดด้วยธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร  ส่งผลให้รายได้จากการบริการหลัก (ไม่รวมผลกระทบจาก TFR15) เพิ่มขึ้น 7.2% อยู่ที่ 35,527 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการตลาดน้อยลง  บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (อิบิทดา) 21,135 ล้านบาท โตขึ้น 19% เทียบกับปีก่อนและ 11% เทียบไตรมาส 2 รวม 9 เดือน มีรายได้จากบริการหลักเติบโต 5.2% และอัตรากำไรอิทบทดาอยู่ที่ 44.2% ตามเป้าหมายทั้งปี

ส่วนโฮม โปรดักส์ฯ แม้ว่ายอดขายต่ำกว่าเป้า จากไตรมาส 3 เป็นช่วง Low Season ของธุรกิจค้าปลีก บริษัทได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย  ปรับส่วนผสมสินค้าที่ขายและเพิ่มประสิทธิภาพวางแผนการจัดซื้อ  ทำให้รายได้รวม และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

สำหรับบริษัท ปตท. สผ.กำไรเติบโต จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ตามแผนกลยุทธ์ซื้อกิจการและการขยายการลงทุน  เช่น การซื้อบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

กำไรที่ดีขึ้นของ ADVANC  ส่งผลต่อเนื่องถึง บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง 40.45% โดยมีกำไรสุทธิ 3,348 ล้านบาท เติบโต 24% จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่งวด 9 เดือนกำไร 9,193 ล้านบาท ลดลง 4.67% เหตุจากปีก่อนรับรู้กำไรขายหุ้นบริษัท ซีเอสแอล

“สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  กล่าวว่า  ADVANC เป็นโอเปอร์เรเตอร์รายเดียวของไทย ที่สร้างกำไรระดับหมื่นล้านบาท ต่อเนื่อง โดย 9 เดือน 2562 มีกำไรสุทธิ 24,019 ล้านบาท เติบโต 5.1 % จากปีก่อน มีรายได้รวม 1.33 แสนล้านบาท เติบโต 6.9 %

ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ามือถือมากที่สุดของตลาดที่ 41.6 ล้านเลขหมาย มีลูกค้า 4 จี จำนวน 28.5 ล้านราย ลูกค้าใช้งานดาต้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 12.1 กิกะไบต์ต่อเดือน  ล่าสุด AIS จัดเป็นเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้านที่เร็วที่สุดของไทย เครือข่ายมือถือครอบคุลมมากที่สุดและดีที่สุดของไทย

นอกจากนี้เน็ตบ้าน AIS รอบ 9 เดือน โต 29 % โดยเฉพาะไตรมาส 3 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 81,600 ราย สูงสุดรอบ 11 ไตรมาส ปัจจุบัน มีฐานลูกค้า 930,700 ราย เป้าหมาย 1 ล้านรายสิ้นปีนี้

“นัฐิยา พัวพงศกร” หัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และกำกับการดูแลการปฎิบัติงาน ADVANC กล่าวว่า  บริษัทคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 70% ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอเป็นเวลา 30 ปีนับตั้งแต่เข้าตลาด และจ่ายปีละ 2 ครั้ง  งบการเงินงวด 9 เดือน มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง 6.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีเพียง 5.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับการประมูลคลื่น 5 จีนั้นบริษัทสนใจ อยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อตั้งงบลงทุนปี 2563  ส่วนโครงข่าย 4 จี ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง ปีนี้ตั้งงบไว้ 20,000 -25,000 ล้านบาท แบ่งลงทุนเครือข่ายมือถือ 20,000 ล้านบาท ที่เหลือ 5,000 ล้านบาท ลงทุนเน็ตบ้าน

“ภาพรวม  ฐานลูกค้ามือถือไม่โตมาก ถือว่าตลาดอิ่มตัว จนกว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่มากระตุ้น  ส่วนกลยุทธ์เน็ตบ้าน มุ่งสร้างรายได้-กำไรเพิ่มเติม  ต้องการขายเน็ตบ้านเพิ่มให้ให้กับฐานลูกค้ามือถือ

บล.ฟินันเซียไซรัส วิเคราะห์ว่า ADVANC มีกำไรไตรมาส 3/2562 แข็งแกร่งใกล้เคียงคาด ยังคงราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 260 บาท ตลาดกังวลการแข่งขันเชิงลบมากเกินไป คงคำแนะนำ ซื้อ คาดอัตราผลตอบแทนปันผล 3.8%

กำไรที่ดีขึ้นของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเรียลเซคเตอร์ที่ออกมา เป็นเพียงการเริ่มต้นประกาศผลงานเท่านั้น  นักลงทุนยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าบริษัทที่ลงทุนอยู่ สามารถเอาชนะภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำรอบนี้ได้หรือไม่ หากสอบผ่านถือเป็นบททดสอบความแข็งแกร่ง แต่ถ้าไม่ไหว น่าจะอาศัยจังหวะนี้ปรับพอร์ตลงทุนได้เช่นกัน