บล.ฟื้นไตรมาส 3/62 MBKET กำไรพุ่งเท่าตัว ASP โกย 90 ลบ.

HoonSmart.com>>บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ไตรมาส 3/62 กำไรพุ่ง 102% ส่วน 9 เดือน กำไรทรุด 52% เหลือ 149 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นลด  21% ลูกค้าบุคคลหาย ส่วนบล.เอเซียพลัส  กำไรลดลง 32% 

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 109.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% จากที่มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 149 ล้านบาท ลดลง 167 ล้านบาท คิดเป็น 52% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 316 ล้านบาท

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ชี้แจงว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรงวด 9 เดือน ลดลงถึง 52% มาจากรายได้ค่านายหน้าลดลง 313 ล้านบาทหรือ 22.12% เหลือจำนวน 1,102 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 270 ล้านบาท หรือ 21% เป็น 999 ล้านบาท เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ ลดลง 12% จาก 61,477 ล้านบาท/วัน เป็น 53,986 ล้านบาท/วัน และ สัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท ลดลงจาก 41.04% เหลือ 34.47% ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทลดลงจาก 25,231 ล้านบาท/วัน เป็น 18,607 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 26%

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 12 ล้านบาทหรือ 22% เป็น 64.88 ล้านบาท เนื่องจากค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 15.92 ล้านบาท ส่วนค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 0.97 ล้านบาท ส่วนรายได้อื่นๆลดลง 97 ล้านบาทหรือ 13% เป็น 643 ล้านบาท เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ลดลง 43 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 67 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 188 ล้านบาท หรือ 10% เหลือ 1,624 ล้านบาท โดยเฉพาะผลประโยชน์พนักงานลดลง 113 ล้านบาท

บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) แจ้งว่า ไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%จากที่มีกำไรสุทธิ 68 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 275 ล้านบาท ลดลง 133 ล้านบาทหรือลดลง 32% จากที่ทำได้จำนวน 408 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน

ไตรมาส 3/62 กำไรดีขึ้นมาจากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 13% เป็น 200 ล้านบาท ส่วนค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 8%เป็น 179 ล้านบาทตามปริมาณการซื้อขายเฉี่ยต่อวันของบริษัทลดลงจาก 2,124 ล้านบาทเป็น 1,819 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 4% เหลือ 357 ล้านบาท