PTTEP ดีเกินคาด โกยกำไร 11,018 ลบ. Q3/62 กลยุทธ์ซื้อกิจการเห็นผล

HoonSmart.com>>ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียมเปิดผลงานไตรมาส 3/62 กำไรสุทธิ 11,018 ล้านบาท โต 5.94% แต่ลดลง 19% จากไตรมาส 2 ราคาขายเฉลี่ยลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายในการสำรวจ  9 เดือนกำไรเพิ่มขึ้น 39% ปริมาณการขายโตตามการซื้อกิจการตามแผนกลยุทธ์ เน้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-ตะวันออกกลาง  

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ. (PTTEP) เปิดผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 3/2562 มีกำไรสุทธิ 11,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 618 ล้านบาท เติบโต 5.94% จากที่มีกำไรสุทธิ 10,401 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 2,666 ล้านบาทหรือ 19.48% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรไตรมาส 2 ที่ทำได้จำนวน 13,684 ล้านบาทโดยหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 32 ดอลลาร์บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการสำรวจที่สูงขึ้นจากการตัดจำหน่ายหลุมสำรวจในประเทศเมียนมา

ส่วนผลงานรวม 9 เดือนปี 2562 กำไรทั้งสิ้น 37,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,810 ล้านบาทหรือ 35% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 27,372 ล้านบาท

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 ปตท.สผ. มีรายได้รวม  4,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เทียบเท่า 143,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  15 % จาก 3,960 ล้านดอลลาร์  เทียบเท่า 127,434 ล้านบาท  ในช่วงเดียวกันของปี 2561 ปัจจัยสำคัญจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12% มาอยู่ที่ 335,696 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อแหล่งบงกชเพิ่มเติมเมื่อกลางปี 2561 และซื้อกิจการของบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซียเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 46.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 46.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในช่วงเดียวกัน  ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยลดลงมาเล็กน้อยจากระดับ 31.28 ดอลลาร์มาอยู่ที่ระดับ 30.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

“9 เดือนเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นการสะท้อนความสำเร็จจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศมาเลเซียตามแผนกลยุทธ์ ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายเฉลี่ยของปี 2562 ซึ่งตั้งไว้ที่ 345,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และเมื่อการซื้อกิจการของบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง ซึ่งมีการลงทุนหลักอยู่ในตะวันออกกลางเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ การเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจในประเทศมาเลเซีย เช่น แปลงเอสเค 410 บี จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย”นายพงศธรกล่าว

ปตท.สผ. ได้ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในแปลงเอสเค 410 บี จากการเจาะหลุมสำรวจแรก “ลัง เลอบาห์-1อาร์ดีอาร์ 2” ไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการวางแผนเจาะหลุมประเมินผล เพื่อประเมินศักยภาพปิโตรเลียมเพิ่มเติม ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับการศึกษาแผนพัฒนา นอกจากนี้ ในปี 2563-2564 ปตท.สผ. มีแผนจะเร่งการเจาะสำรวจในโครงการอื่น ๆ ในประเทศมาเลเซียที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อประเมินศักยภาพในภาพรวม และกำหนดแผนกลยุทธ์การพัฒนาที่เหมาะสมต่อไปริษัท

สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่  2,407 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้สามารถรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ในระดับ 70% ส่วนสถานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 บริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมทั้งสิ้น 2,093 ล้านดอลลาร์ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับ 0.18 เท่า

ทางด้านค่าเงินบาทในไตรมาส 3 ผันผวนน้อยลง แข็งค่าขึ้นประมาณ 0.5% เทียบกับระดับ 30.74 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสิ้นไตรมาส 2 สำหรับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทจะส่งผลกระทบใหญ่ในรูปของภาษีเงินได้ที่เกิดจากความแตกต่างของสกุลเงินที่ใช้ในการยื่นภาษีกับสกุลเงินที่ใช้ในการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชี แต่ในเดือนเม.ย.2562 มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำให้บริษัทสามารถคำนวณและยื่นภาษีเงินได้ด้วยสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานเมื่อได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ทำให้ผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนนี้ ลดลง

ส่วนผลกระทบจากการจำกัดปริมาณซัลเฟอร์ (Sulphur) ในน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการขนส่งทางเรือ ในปี 2563 (IMO 2020) คาดว่าผลกระทบจากเหตกุารณ์ไม่รุนแรง เนื่องจากโครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท.สผ. ผูกกับราคาน้ำมันเตาเพียงส่วนหนึ่ง แต่ปตท.สผ.ได้เข้าทำประกันความเสี่ยงเพื่อลดความผันผวนของของราคาน้ำมันเตาในส่วนที่จะได้รับผลกระทบบางส่วน และตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป บริษัทคาดว่าผลกระทบจาก IMO นี้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติของโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลติ (PSC) อ้างอิงราคาน้ำมันดิบดูไบแทนน้ำมันเตา