โตเกียวลบ-เอเชียผสม จับตาสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น เฟดประชุม

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ลบ ส่วนเอเชียทั้งปรับตัวขึ้นและลดลง จับตาสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น เฟดประชุม  แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้ายังมีความไม่แน่นอน 

ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ซื้อขายในแดนลบ ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องมาจากช่วงก่อนหน้า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ แต่การลดลงของหุ้นใหญ่ที่มีน้ำหนักในดัชนี หุ้นการเงิน และเทคโนโลยี ถูกชดเชยบางส่วนจากหุ้นผู้ผลิตรถยนต์และหุ้นผู้ส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในตลาด Prime Market หุ้นที่นำการปรับลงได้แก่ กลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก ส่วนหุ้นที่นำการปรับขึ้นได้แก่ กลุ่มโลหะที่ไม่มีเหล็กผสม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างรวดเร็วระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนมากกว่าที่ประมาณการไว้ในตอนแรก โดย GDP ไตรมาส 3 ที่ทบทวนลดลง 2.3% ต่อปี ซึ่งแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 2.0% และตัวเลขเบื้องต้นที่ลดลง 1.8%

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า บัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.83 ล้านล้านเยน (1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 15.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ขั้นต้นของประเทศที่เพิ่มขึ้น 8.6% สู่ระดับ 3.46 ล้านล้านเยน
ค่าจ้างที่แท้จริงของญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมลดลง 0.7%จากปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10

ณ เวลา 9.14 น. ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 50,405.58 จุด ลดลง 86.29 จุด, -0.17%

ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนจับตาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่กำลังย่ำแย่ลง รวมทั้งการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางจำนวนมาก และแนวโน้มสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมในปีหน้า

นักลงทุนจับตาความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีน รวมทั้งสินทรัพย์ในทั้งสองประเทศ หลังจากที่เครื่องบินรบของจีนได้ฝึกใช้เรดาร์ควบคุมการยิงกับเครื่องบินทหารญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่แม้จะยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ แต่นักกลยุทธ์ของBarclays ระบุว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2026 ยังคงมีความไม่แน่นอนมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดพยายามรักษาสมดุลระหว่างแรงกดดันด้านราคา ตลาดแรงงานที่ซบเซา และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

นักลงทุนยังรอข้อมูลการค้าจากจีนที่จะประกาศในช่วงบ่าย ซึ่งผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ส คาดการณ์ว่าการส่งออกของจีนในเดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่หดตัว 1.1% ในเดือนตุลาคม ขณะที่การนำเข้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% ในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นจาก 1% ในเดือนก่อนหน้า

ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,907.076 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด, +0.11%
ดัชนี HIS ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 25,946.73 จุด ลดลง 138.35 จุด, -0.53%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อยู่ที่ 4,103.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.14 จุด, +0.67%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่ 28,167.66 จุด เพิ่มขึ้น 186.77 จุด, +0.67%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 0.01 หรือ 0.02% ซื้อขายที่ 60.07ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 0.02ดอลลาร์ หรือ 0.03% ปิดที่ 63.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เร