TFI ยื้อหนี้ 1,041 ลบ.ต่อไปไม่ไหว แบงก์เจ้าหนี้บีบปรับโครงสร้างให้เสร็จ

HoonSmart.com>>TFI(ไทยฟิลม์อินดัสตรี่) เป็นข่าวใหญ่ ตามหลังบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ที่ถูกแบงก์เจ้าหนี้ส่งหนังสือให้บริษัทรีบตัดสินใจ สะส่างปัญหาหนี้ที่คาราคาซังกันมานาน   ไทยฟิล์มต้องรีบให้คำตอบภายในวันที่ 31 ต.ค.2562 โดยเสนอ 2 ทางเลือกคือชำระหนี้คงค้างทั้งหมด 1,041 ล้านบาทหรือมาเซ็นสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เสร็จ

เชื่อว่าบริษัทจะต้องเลือกแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ เพราะไม่มีเงิน โรงงานหยุดผลิตมานาน

ไทยฟิล์มฯแบกหนี้มานานหลายปี เคยปรับโครสร้างหนี้กับแบงก์มาแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ หากภาวะเศรษฐกิจไม่แย่มากขนาดนี้ ธนาคารพาณิชย์ไม่เข้มงวดเรื่องคุณภาพสินเชื่อ เชื่อว่า TFI ยังคงซื้อเวลาต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่เมื่อธนาคารยื่นหนังสือลงวันที่ 16 ต.ค. 2562 ให้แก้ปัญหาหนี้ทั้งสิ้น 1,041 ล้านบาท มาจากหนี้เงินต้น 763 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดอีก 277 ล้านบาท คำนวณ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562 เชื่อว่าบริษัทจะลากปัญหาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

บริษัทมีหนี้ 2 สัญญาคือสัญญาสินเชื่อหมุนเวียน ครบกำหนด 4 เดือน-6 เดือน งวดสุดท้ายคือเดือนต.ค. 2562   ส่วนหนี้ก้อนที่ 2 คือหนี้ที่เกิดจากสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ครบกำหนดชำระทุกสิ้นเดือน 24 งวด คงค้าง 7 งวด งวดสุดท้ายครบกำหนดเดือนพ.ย.2562

บริษัทอ้างว่าสาเหตุของการผิดนัดชำระหนี้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบและราคาสินค้าสำเร็จรูปฟิล์มมีความผันผวนอย่างมาก

บริษัทต้องยอมรับความจริงว่า ธุรกิจฟิล์มของบริษัทเองแข่งขันไม่ได้ ที่ผ่านมาบริษัทยังได้ลงทุนบริษัทในกลุ่ม  โดยเฉพาะไทยคอปเปอร์ จำนวน 18.96% ตามวิธีราคาทุน 1,518.98 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทร่วม ประสบวิกฤต ศาลล้มลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2559 และพิพากษาให้บริษัทล้มละลายเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนและสนับสนุนเงินทุนบริษัทในกลุ่มด้วย

ทั้งนี้ บริษัทเคยปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน 128.86 ล้านบาท ครบกำหนดการจ่ายชำระ ในระหว่างงวด ซึ่งบริษัทได้ขอปรับเงื่อนไขการจ่ายชำระหนี้ในเดือนพฤษภาคม 2562 ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวได้พิจารณาอนุมัติให้ผ่อนผันการจ่ายชำระหนี้สำหรับเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระออกไป 84 เดือน พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา MLR ต่อปี โดยชำระงวดแรกในเดือนกรกฎาคม 2562 ถึง มิถุนายน 2569 และให้ปรับลดภาระวงเงินสินเชื่อดังกล่าวลดลงคงเหลือ 585 ล้านบาท แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังเคยถูกฟ้องล้มละลาย เจ้าหนี้ ผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบเม็ดพลาสติกต่างประเทศรายหนึ่งฟ้องล้มละลายบริษัท มูลหนี้ประมาณ 84 ล้านบาท ศาลล้มละลายรับคำร้องและปิดหมายเรียกวันเสาร์ที่ 27 ก.ค.เพื่อให้บริษัททราบ และศาลนัดพิจารณา 30 ก.ย. ทนายของบริษัทได้ให้การว่าบริษัทมิได้มีหนี้สินล้นพ้นต้ว ณ วันที่ 31 ธ.ค. มีสินทรัพย์ 1,742 ล้านบาท หนี้สิน 1,451 ล้านบาท ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินถึง 291 ล้านบาท สูงกว่า 3 เท่าของมูลหนี้ที่ฟ้องล้มละลาย 84 ล้านบาท จึงขอให้ศาลโปรดยกฟ้อง ศาลจึงนัดสืบพยานคู่ความ 3-4 ธ.ค.2562 จะต้องรอพิพากษาว่าผลจะลงเอยอย่างไร

ที่ผ่านมา บริษัทมีการฟ้องร้องหลายคดี แต่เรื่องหนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถือว่าโชคดี ที่ไม่เกิดCross Default กับเจ้าหนี้รายอื่น  เพราะบริษัทไม่มีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นโดยหนี้ที่เหลือเป็นเจ้าหนี้การค้า 100 ล้านบาท

ปัญหาของไทยฟิล์มฯ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับบริษัทที่มีหนี้เก่ารอสะส่าง แต่แก้ปัญหาโดยการยื้อเวลา หรือการออกหุ้นกู้ก้อนใหม่ไปรีไฟแนนซ์รุ่นที่ครบกำหนดไถ่ถอน  ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีเลย บริษัทไหนมีหนี้รอการชำระเตรียมเงินสดไว้บนหน้าตักไว้บ้างหากสดุดจะได้นำมาใช้ได้ทันที  เพราะการขายหุ้นกู้เวลานี้อาจจะยากขึ้น  นักลงทุนฉลาดมากขึ้น ระมัดระวังการลงทุน เลือกคุณภาพบริษัทมากกว่าคำนึงถึงดอกเบี้ยเหมือนที่ผ่านมา