HoonSmart.com>> บิวตี้ คอมมูนิตี้ เผยธุรกิจไตรมาส 3 คาดสามารถทำกำไรปรับตัวดีขึ้น จากกลยุทธ์ การบริหารจัดการต้นทุน แผนการตลาดในประเทศ เน้นพัฒนาช่องทางจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพรุกตลาด BEAUTY & HEALTH พร้อมเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศและออนไลน์ต่อเนื่อง
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 คาดว่าความสามารถในการทำกำไรน่าจะดีขึ้น จากการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต รวมทั้งต้นทุนคงที่ต่างๆ
สำหรับทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจ เน้นการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยในประเทศจะมีการปรับคอนเซ็ปต์และรูปแบบช่องทางจำหน่ายหลัก รวมทั้งพัฒนาโมเดลใหม่ๆ ปรับรูปแบบร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET เป็นร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ จำหน่ายสินค้าทั้งด้านสุขภาพและความงามครบวงจร มีผลิตภัณฑ์จากพันธมิตรซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำ เพื่อความน่าสนใจและรักษาความเป็น Private Label ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ โดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น สินค้าแบรนด์ BEAUTY BUFFET 80% และสินค้าแบรนด์พันธมิตรชั้นนำ (มัลติแบรนด์) 20%
“จากกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้ BEAUTY BUFFET มีสินค้าหลากหลาย สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ และสินค้า Health-Related Product เข้ามาขายในร้านเพิ่มขึ้น” นายแพทย์สุวิน กล่าว
ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย Commerce Business เช่น E-Commerce, ช่องทางสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) จะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตและรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีต้นทุนดำเนินการต่ำ และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
ทั้้งนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศ มีการขยายไปในตลาดที่หลากหลายมากกว่า10 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม ลาว ไต้หวัน ฮ่องกง บรูไน ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น ซึ่งได้มีการทยอยเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยจะมุ่งเน้นขยายตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต อาทิ จีน พม่า อินโดนีเซีย อินเดีย
นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของตลาดจีนซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญ เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากทั้งในกลุ่มออนไลน์และออฟไลน์ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าชาวจีนได้โดยตรง ประกอบด้วย แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของจีน (CBEC : Cross Border E-Commerce) และ ร้านค้าทั่วไปตั้งเป้ามีจุดจำหน่ายสินค้าภายในสิ้นปีมากกว่า 35,000 จุดจำหน่าย จากปัจจุบัน 28,000 แห่ง และมีกระแสตอบรับที่ดีจากช่องทาง E-Commerce ในประเทศจีน รวมถึงมีการทำการตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย จึงส่งผลให้ Official Distributor ทยอยสั่งสินค้าต่อเนื่อง เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงลูกค้า (penetration rate) มากขึ้น