HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพเก่ง ไตรมาส 3/62 กำไรเพิ่มกว่า 400 ล้านบาท สวนทางเศรษฐกิจะชะลอ สินเชื่อลด ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ 2.35% กดค่าใช้จ่ายลง ได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 9.6% จากการขายประกัน-กองทุนรวม ยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 9,438.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 408.54 ล้านบาทคิดเป็น 4.52% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ 9,029.88 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลงานรวม 9 เดือนปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 27,813.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 584.92 ล้านบาท คิดเป็น 2.14% จากกำไรสุทธิ 27,228.79 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
กำไรไตรมาส 3 ที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 9.6% เป็นผลจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม ตามเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ของธนาคาร
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อย 1.7% ตามการลดลงของสินเชื่อ โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.35% ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย 1.5% สะท้อนถึงวินัยการบริหารค่าใช้จ่ายของธนาคาร และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 41.9%
ฐานะการเงินและเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,001,445 ล้านบาท ลดลง 0.8% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 จากการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง และการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ส่วนอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.6% ขณะที่เงินสำรองยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 183.4%
ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและการบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพยืนยันเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2562 ที่ 3-4% โดยมีลูกค้ารายใหญ่ ในกลุ่มพลังงานมีความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากในไตรมาส 4
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาเงินกองทุนและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.7% และเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ อายุ 15 ปี ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สนับสนุนให้โครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 20.7% 17.7% และ 7.7% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนหดตัวสะท้อนจากยอดจำหน่ายรถยนต์และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชน อีกทั้งการชะลอลงของกิจกรรมการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เป็นแรงกดดันต่อการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ การใช้จ่ายภาครัฐยังขยายตัวน้อยกว่าคาดจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า
ข่าวอื่นๆ
SCB ฟาดกำไร 1.48 หมื่นลบ. พุ่ง 40% บุ๊กขายธุรกิจประกัน ตั้งสำรองเพิ่ม
BAY ไตรมาส 3 กำไร 6.5 พันลบ. เพิ่ม 5.6% คาดสินเชื่อปีนี้โตกรอบบน 6-8%
KTC สำรองหนี้ฉุดกำไร Q3/62 หดสวนรายได้เพิ่ม งวด 9 เดือนโต 8%
TCAP กำไร Q3 พุ่ง 32% แตะ 2.47 พันลบ. แบงก์ธนชาตนิวไฮ รายได้โต-หนี้สูญลด