SCN ปิดความเสี่ยงลงทุนโรงไฟฟ้า-รถเมล์ NGV

“ฤทธี” บิ๊ก SCN มั่นใจปิดความเสี่ยงโรงไฟฟ้ามินบู พม่า- รถเมล์ NGV ย้ำผลตอแทนการลงทุน 10 % ตั้งเป้าปีนี้รายได้ขั้นต่ำ 3 พันล้านบาท โต 40% ฟุ้งเงินสดล้นมือ ลุยลงทุนไม่เดือดร้อนผู้ถือหุ้น

นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ ( SCN ) เปิดเผยว่า บริษัทใช้เงิน 1,234.88 ล้านบาท ถือหุ้น 30 % ในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย ) หรือ GEP Thailand ซึ่งทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกกะวัตต์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ ไม่ได้มีความเสี่ยง โดยได้ปิดความเสี่ยงทั้งหมดทุกด้าน โดยเฉพาะเป็นโครงการที่มีการทำ Project Finance แล้ว จากธนาคารกรุงไทย ให้กู้เงินสัดส่วน 65/35 มีประกันความเสี่ยงการเมืองท้องถิ่น หรือ Political Risk Insurance (PRI ) จากธนาคาร เอ็กซิมแบงก์ , ประกันภัยพิบัติ ที่มีผลกระทบโรงไฟฟ้า รวมทั้งเลือกผู้รับเหมาติดตั้งโซลาร์ฟาร์มระดับท็อปของโลก

นอกจากนี้ โครงการได้ทำ Due Diligence ทั้งด้านการเงิน กฎหมาย จากบริษัทชั้นนำ เช่น เคพีเอ็มจี ใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาท ทำดิวดิจิเจนท์ดังกล่าว ก่อนเข้าซื้อ

สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้า ให้ผลตอบแทนการลงทุน 10 % รายได้จากการลงทุนตลอด 30 ปี ตามสัดส่วนลงทุน 30 % รวม 10,860 ล้านบาท คาดก่อสร้างเสร็จและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ตามสัญญาซื้อขาย ( SCOD ) เฟสแรก 50 เมกกะวัตต์ ต้นปี
2562 ก่อนทยอยครบทั้งหมดภายใน 3 ปี ราคาขายไฟคงที่ 4.6 บาท/หน่วย ขณะที่ต้นทุนก่อสร้างโซลาร์ฟาร์ม 35-40 เมกกะวัตต์

สำหรับการลงทุนธุรกิจรถเมล์ NGV ร่วมกับบริษัท ช.ทวี ( CHO ) ไม่มีความเสี่ยงเช่นกัน การประกอบรถในเมืองไทย โดยช.ทวี จะส่งมอบรถก่อนจึงจ่ายเงินให้กับผู้ค้าจีน คาดมีรายได้จากการร่วมทุนผลิตรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน มูลค่า 1,800 ล้านบาท ตามสัดส่วนร่วมทุน ประมาณ 1 พันล้านบาท

นายฤทธี ยืนยันว่า การขยายการลงทุนดังกล่าว ใช้เงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้ยืม ปีนี้-ปีหน้า ไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน ซึ่งเงินสดที่มีในมือจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท เพียงพอการขอสินเชื่อธนาคารได้ถึง 4 พันล้านบาท ส่วนนโยบายเงินปันผลจ่าย 60 % ของกำไรสุทธิเป็นอัตราสูงสุดของการจ่ายปันผล

กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโต 40 % จากปีก่อน รายได้ที่เติบโตมาจากธุรกิจหลักก๊าซธรรมชาติ , สถานีบริการ NGV ตามแผนสร้างแล้วเสร็จรับรู้รายได้เพิ่มอีก 6 สถานีปีนี้ , รายได้งานก่อสร้างเดินท่อก๊าซ ขณะนี้มีงานในมือมูลค่า 470 ล้านบาท โตจากปีก่อนที่มีเพียง 200 ล้านบาท

“ บริษัทตั้งเป้า เป็นผู้นำบริการด้านพลังงานภายใน 3 ปีข้างหน้า เป็นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคอาเซียน ผลักดันรายได้เติบโตต่อเนื่องและมั่นคง “ ผู้บริหารกล่าว