Block Trade ถล่มตลาดยับ/ชอร์ต ‘มือถือ ไฟฟ้า แบงก์’

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นไทยลงแรงผิดปกติ! แปลกไหมที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทรุดถึง 13.41 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,622.79 จุด เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2562 ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ไม่มีข่าวร้ายใหม่ ๆ ตลาดเพื่อนบ้านมีทั้งบวกและลบคละกัน นักลงทุนต่างชาติขายแค่ 1,564 ล้านบาทเท่านั้น

ในช่วงนี้จะเห็นปรากฎการณ์ ดัชนีเหวี่ยงขึ้นแรง-ลงหนักในแต่ละวัน แม้ไม่มีข่าวดีหรือข่าวร้าย เกิดจากนักลงทุนใช้เครื่องมืออนุพันธ์ Block Trade และ DW หรือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ มากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าเกินกว่า 50% ของมูลค่าซื้อขาย 40,000-60,000 ล้านบาท/วัน เพราะชอบในอัตราทด หรือ Leverage สูง ๆ 10-20 เท่า โดยเฉพาะหุ้นที่อยู่ใน SET 50 หมายความว่านักลงทุนใช้เงินลงทุนเพียง 1 บาท สามารถซื้อหุ้นได้มากถึง 20 เท่า โดยเสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรายวัน

นักลงทุนรายย่อยมัวแต่ดูปัจจัยพื้นฐาน ตามไม่ทันเกมส์ของนักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบัน คาดการณ์ไม่ได้ว่าวันนี้ Block Trade และ DW จะซื้อหรือขายหุ้นกลุ่มไหน ตัวไหนกันบ้าง

“ถ้าเราซื้อถูกตัวกับที่กลุ่มนี้เล่นขาซื้อ (ลอง) ก็ได้กำไรมาก แต่หากผิดข้าง ไปซื้อหุ้นตัวที่เค้าขาย (ชอร์ต) ก็บาดเจ็บหนัก ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานเลย ”

วันที่ 23 ก.ย. หวยไปตกอยู่ที่กลุ่มพลังงาน แรงซื้อหุ้นครอบครัวปตท.หนุนให้ราคาวิ่งกันสลอน เช่น PTTEP, TOP  และมีการเลือกลอง เป็นรายตัว อาทิ KCE

ในทางกลับกัน พุ่งเป้าทิ้ง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ มือถือ ไฟฟ้า และแบงก์ใหญ่ ที่สำคัญล้วนแล้วแต่เลือกตัวหุ้นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ลักษณะการขาย เหมือนบริษัทมีปัญหาใหญ่ แต่ไม่ใช่ เพราะพื้นฐานยังแข็งแรงดีอยู่

การขาย (ชอร์ต) ส่วนหนึ่งใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้นำ ตามด้วยการปล่อยเหตุผลต่างๆ นานา สนับสนุน เช่น ราคาหุ้นขึ้นมามากเกินไปแล้ว ถึงเวลาต้องขายแล้ว

รอบนี้จึงมาตกอยู่ที่กลุ่มมือถือ และไฟฟ้า เพราะในช่วงที่ตลาดกังวลเรื่องล้มโต๊ะการเจรจาการค้า สหรัฐและจีนต่างขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมา นักลงทุนวิ่งไปหลบภัยในหุ้นที่ปลอดภัย ทั้งสองกลุ่มนี้มีรายได้ค่อนข้างแน่นอนในระยะยาว ตามสัญญาสัมปทาน แรงขายที่รุนแรงในช่วงนี้ โดยเฉพาะบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และบริษัท แม่คือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH)  กดราคาหุ้นร่วง 4-5% สวนทางกับคำแนะนำ “ซื้อ” ของนักวิเคราะห์  ADVANC และ INTUCH มีจุดแข็งที่จ่ายเงินปันผลสูง แนวโน้มผลการดำเนินงานก็ดีขึ้นตามภาวะการแข่งขันของธุรกิจที่ลดลง

เช่นเดียวกับเหตุผลในการขายหุ้นผู้นำไฟฟ้า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ราคาหุ้นขึ้นมาแรงและเร็วจนทะลุ 160 บาทไปอย่างง่ายดาย ต้องรีบทิ้ง

เมื่อมีแรงขาย (ชอร์ต) อนุพันธ์ออกมา มีผลกระแทกราคาหุ้นและตลาดมาก เพราะโบรกเกอร์ที่ออก Block Trade หรือ DW ก็ต้องขายหุ้นออกมาตามสัดส่วนที่เท่ากัน เพื่อไม่ให้บริษัทหลักทรัพย์มีความเสี่ยง  เช่น การขายบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) จำนวน 500 สัญญา ๆ ละ 1,000 หุ้น หมายถึงหุ้นจำนวน 5 แสนหุ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เห็นการลากขึ้นลากลงเร็วในสินค้าอนุพันธ์ เพราะแค่ส่วนต่างเล็กน้อยก็สามารถสร้างกำไรหรือขาดทุนได้มากทีเดียว

สถานการณ์ตลาดแบบนี้ เล่นยาก แถมยังไม่มีข่าวดีสนับสนุน แนะนำว่านักลงทุน โดยเฉพาะรายย่อย ควรจะยืนอยู่นอกตลาด รอจังหวะให้หุ้นดีๆ ปรับตัวลงมามากกว่านี้ ถึงเข้าไปช้อนแล้วถือ ไม่ควรเล่นเก็งกำไรระยะสั้น เพราะจะเสียหายมากกว่าจะได้กำไร!!