บล.ทรีนีตี้ ชี้หุ้นอัพไซด์จำกัด คาด SET ก.ย.แกว่ง 1,600-1,680 จุด

HoonSmart.com>> บล.ทรีนีตี้ ประเมินตลาดหุ้นเดือนกย.62 แกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,680 จุด มองธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น Defensive และ Selective หุ้นในธีม Low bond yield ส่วนหุ้นเด่นแนะ ADVANC-RATCH-JMT-TU-BBL-KCE

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของเดือนก.ย.2562 ประเมิน SET Index มีโอกาสแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,600-1,680 จุด โดยมีปัจจัยกดดันที่สำคัญ คือ 1.หลังคลังน้ำมันของซาอุฯถูกโจมตี เริ่มเห็นสัญญาณความเสี่ยง Geopolitical risk ที่สูงขึ้น จนทำให้นักลงทุนทั่วโลกกลับมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง และเริ่มเห็นปรากฏการณ์โยกย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ 2. ระดับ SET Index ปัจจุบัน ราคาหุ้นเริ่มไม่ถูกแล้วด้วยมิติของ Valuation โดยล่าสุดประมาณการ EPS ปี 2563 ลงมาอยู่ที่ระดับ 110 บาทแล้ว ทั้งนี้ หากอิงบนระดับ Forward PE ในกรณีดีสุดที่ 15 เท่า จะได้ระดับดัชนีที่เหมาะสมอยู่เพียงแค่ 1,650 จุดเท่านั้น หรือแทบไม่มี Upside จากระดับดัชนีปัจจุบันเลย

สำหรับปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯกับจีน หากการเจรจาระหว่างผู้แทนของทั้ง 2 ประเทมีทิศทางที่ดีขึ้น อาจนำมาสู่การประกาศข้อตกลงชั่วคราวได้ เช่น 1. การเลื่อนการเพิ่มอัตราภาษีเป็น 30% บนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านเหรียญฯออกไปอีกจากวันที่15 ต.ค.
2. การยกเลิกการเพิ่มอัตราภาษี 30% นี้ และ 3.การเลื่อน /ยกเลิกการเก็บภาษี 10% บนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญฯที่จะบังคับใช้วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจนำมาสู่การเลื่อน/ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าของจีนในอัตรา 5-10% ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เช่น อิเล็กทรอนิกส์

นายณัฐชาต ยังแนะนำกลยุทธ์การลงทุน Defensive และ Selective ไปยังหุ้นในธีม Low bond yield ได้แก่ ไฟแนนซ์, สาธารณูปโภค, สื่อสาร, REIT & IFF ต่อไป มองตัวหุ้นในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ได้แก่ S11, THANI, JMT, RATCH, TPCH, EASTW, ADVANC, INTUCH นอกจากนั้น แนะนำหาจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมาแรงเช่น TU และ ถือลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เช่น BBL เนื่องจากคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25 ก.ย.นี้

ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ HANA, KCE แนะหาจังหวะซื้อเมื่อ่อนตัว เพื่อคาดหวัง Positive surprise ที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างจีนกับสหรัฐฯในช่วงถัดไป