หาจังหวะช้อนหุ้นแบงก์ เฟดไม่รีบลดดบ.รอบใหม่

HoonSmart.com>>ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด ส่งสัญญาณไม่ชัดเจน ดอลลาร์แข็ง ค่าเงินเอเชีย-บาทอ่อน บอนด์ยิลด์ระยะสั้นเด้ง กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นไทยร่วงต่อ

บล.ทรีนีตี้ วิเคราะห์ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามคาด สู่ระดับ 1.75-2.00% จึงไม่มีผลกระทบใดๆ แต่พฤติกรรมของตลาดที่น่าสนใจหลังการประชุมได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ ยิลด์) 10 ปีทรงตัวที่ระดับ 1.80% ความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้อยู่ที่ 65% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวานที่ 73% ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ระยะสั้น (รุ่น 2 ปี) ดีดตัวสูงขึ้นโดยอัตโนมัติจาก 1.68% มาอยู่ที่ 1.77% ล่าสุดเป็นเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่หากราคาหุ้นแบงก์ลงแรงในช่วง 1-2 วัน มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นปลอดภัยที่สุดในกลุ่มอย่าง BBL

ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 25 ก.ย. คงไม่ลดดอกเบี้ย น่าจะช่วยลดทอนความกังวลในกลุ่มแบงก์ลง

บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่าเฟดส่งสัญญาณไม่ชัดเจนเรื่องการปรับลดดอกเบี้ย หนุนเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ค่าเงินสกุลอื่น รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าในช่วงสั้น กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ทองคำลง

ส่วนการประชุม กนง. ฝ่ายวิจัยเห็นว่ามีความน่าจะเป็นมากขึ้น ที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็น 1.25% น่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป เงินทุนไหลเข้ายังเป็นความหวังหลักในการผลักดันดัชนีช่วยหนุนให้เป้าหมายปลายปี 2562 ขยับขึ้นจาก 1655 จุด ไปอยู่ที่ 1745 จุด

“ตลาดหุ้นไทยได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ขยับขึ้นไปสูงถึง 42% ของนักลงทุนทั้งหมด (เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ราว 29%) ” บล.เอเซียพลัส

บล.ทิสโก้ แนะเพิ่มความระมัดระวังในการเก็งกำไรมากยิ่งขึ้น กลยุทธ์เน้นขายล็อกกำไร รอย่อตัวซื้อคืนทำรอบสั้น และใช้ Stop เมื่อดัชนีปิดต่ำกว่า 1,640 จุด สะท้อนไม่มีการลดดอกเบี้ย ทั้งในปีนี้และปีหน้า ขณะที่ ตลาดคาดลดอีก 1 ครั้งในปีนี้ และ 2 ครั้งในปีหน้า

ส่วนดอกเบี้ยต่ำมีผลดีต่อ ธุรกิจสินเชื่อบุคคล หุ้นปันผลสูง รวมถึงกองทุนอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน แนะนำซื้อ TISCO ให้ราคาเป้าหมายปีหน้า 116 บาท คาดกำไรปีนี้โต 5% ปีหน้า 6% จ่ายปันผลได้ 7 บาท/หุ้นอัตราผลตอบปันผล 6.9% ทั้งปีนี้และปีหน้า

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คงกรอบดัชนีระยะกลาง 1,650-1,700 จุด เน้นหุ้นที่ได้อานิสงส์ดอกเบี้ยต่ำ ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว รอขายทำกำไรจังหวะดัชนีใกล้ 1,700 จุด ส่วนการประชุมกนง.คาดคงดอกเบี้ยนโยบาย

สำหรับการประชุมของธนาคารกลาง 3 ประเทศ ในวันที่ 19 ก.ย. ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 5.25% ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น( BOJ)ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ -0.1% เช่นเดียวกับ BOE ที่คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.75%