HoonSmart.com>>เป็นความบังเอิญ หรือความตั้งใจ ที่บริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง คือ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) โบรกเกอร์ เบอร์ 19 และบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) โบรกเกอร์เบอร์ 13 ที่มีบริษัทแม่เป็นสถาบันการเงินใหญ่จากไต้หวันเหมือนกัน สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในวงการหลักทรัพย์ไทยพร้อมกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
บล.หยวนต้าฯ เปิดตัว 4 ผู้บริหารใหม่ นำโดย “ประเสริฐ บุญสัมพันธ์” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท สร้างความประหลาดใจให้กับคนวงการหลักทรัพย์เป็นอย่างมาก พร้อมคิดไปต่างๆนานาว่า บริษัทจะบุกอย่างไรต่อไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและการแข่งขันเข้ามารอบทิศทาง โดยมีคู่ต่อสู้รายสำคัญคือเทคโนโลยี
“ประเสริฐ” สร้างชื่อเสียงโด่งดังมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ในสมัยที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.มานานถึง 8 ปี เป็นนักบริหารที่เก่ง มีความเชี่ยวชาญหลายด้าน ฝีมือหาใครเทียบชั้นยาก ในการบริหารทรัพยากรมูลค่ามหาศาล จนสามารถสร้างการเจริญเติบโตของบริษัทปตท.ผงาดขึ้นมาเทียบชั้นบริษัทพลังงานนานาชาติ จนได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะรางวัลความยั่งยืนของ DJSI พร้อมวางรากฐานแข็งแรงในระยะยาว
การมอบความไว้วางใจให้”ประเสริฐ”เข้ามาสร้างการเติบโตและยั่งยืนให้กับบล.หยวนต้า เป็นทางเลือกที่ดีมาก คิดได้ไง …
“ประเสริฐ”ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลในการรับตำแหน่งนี้ เพราะผมมีประสบการณ์ในภาคธุรกิจจริง หลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน ดาวเทียม การบิน ที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ของผู้ใช้บริการธุรกิจหลักทรัพย์หลายด้าน โดยเฉพาะธุรกิจวาณิชธนกิจ ในการนำบริษัทในเครือปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ การออกหุ้นกู้ การซื้อและหรือควบรวมกิจการ ตอนนี้สามารถนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และเครือข่าย คอนเน็กชั่นที่รู้จักคนมาก รู้จักบริษัทมาก นำมาปรับใช้ในฐานะผู้ให้บริการ จะรู้ว่าควรออกผลิตภัณฑ์แบบไหน มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายและสร้างความพึ่งพอใจอย่างที่เคยต้องการ
นอกจากนี้เมื่อเข้าไปดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นของหยวนต้า เห็นว่าเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่มากในไต้หวัน กำลังขยายไปตลาดต่างประเทศ อินโดนิเซีย เกาหลี ฟิลิปปินส์ มาเมืองไทยไม่ถึง 3 ปี และยังมีเครือข่ายในฮ่องกง และสิงคโปร์ บริษัทแม่มีความตั้งใจมากในการให้ประเทศไทยเป็น 1 ในการลงทุนหลัก นอกไต้หวัน
บริษัทแม่เป็นผู้นำในธุรกิจหลักทรัพย์ มีการพัฒนาผลิตใหม่ๆ เช่นอนุพันธ์ เราสามารถนำประสบการณ์ของหยวนต้า มาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้บริษัทดำเนินไปข้างหน้าได้เมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกพอสมควร จะเน้นเทรดดิ้งไม่ได้ เพราะค่าคอมมิชชันลดลงเรื่อยๆ เกือบไม่เหลืออะไร จะต้องขยายไปงานอื่นเพิ่มเติม
“ผมมีคุณค่า มีผลงานที่ผ่านมา สามารถบริหารบริษัทจนขยายใหญ่ ได้รับรางวัลมามาก สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้ สามารถนำมาสร้างให้บล.หยวนต้าเจริญเติบโต ที่สำคัญจะต้องมีจรรยาบรรณ ทำงานอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ต้องดูแลทุกส่วนให้สมดุล เพราะเชื่อว่าสมดุลจะสร้างความยั่งยืนได้ ”
มั่นใจได้ว่า”ประเสริฐ”จะสามารถสร้างบล.หยวนต้าให้เติบใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดติด Top 3 ของประเทศไทยไม่ยาก และหวังว่าบล.หยวนต้าประเทศไทย จะเป็นที่ 1 ของกลุ่มได้สำเร็จ เพราะบริษัทมีพื้นฐานที่ดี นับตั้งแต่เปิดดำเนินงานมายังไม่มีเคยขาดทุน ฐานลูกค้ารายย่อยที่มีอยู่จำนวน 5 หมื่นราย เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันธุรกิจ และบริษัทมีแม่ให้การสนับสนุน ทุนเรียกชำระแล้วสูงถึง 4,500 ล้านบาท ช่วยให้มีเงินกองทุนในการขยายการดำเนินงานจนขึ้นเป็นที่ 1 ของธุรกิจอนุพันธ์ในด้าน Block Trade และยังติดหนึ่งในผู้นำในการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้น) สามารถสร้างรายได้ถึง 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.21% ในครึ่งแรกของปีนี้ได้
การเติบโตในระยะยาวบล.หยวนต้าจะต้องนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพนักงาน ลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ ที่สำคัญจะมีแหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจในอนาคต
ทางด้านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) โบรกเกอร์เบอร์ 13 สร้างชื่อเสียงจากธุรกิจอนุพันธ์ ด้านใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ DW ในฐานะผู้ริเริ่มการให้บริการ DW เจ้าแรกในประเทศไทย เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ออกสินค้าตัวแรกอ้างอิงหุ้นบริษัทปตท.หรือ PTT13CA
ปัจจุบันมีปริมาณการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาด 44% และมีจำนวน DW อ้างอิงหุ้นที่มีสภาพคล่องทุกตัว ใน 100 อันดับแรก
แต่ความต้องการของบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ไม่ได้หยุดลงตรงที่การเป็นที่ 1 ของ DW
“เจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดตัว “ติ๊ก- เจษฎาภรณ์ ผลดี” เป็น “แบรนด์ พรีเซ็นเตอร์ DW “คนแรกในอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อ“สร้างการรับรู้ แบรนด์ DW 13 ของเคจีไอ”ในระยะยาว
เจนวิทย์ เล่าให้ฟัง ถึงเหตุผลที่เลือก”ติ๊ก”เป็น”แบรนด์ พรีเซ็นเตอร์ DW 13 “ว่าเป็นดาราที่ตอบโจทย์มากที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นขวัญใจของคนทุกกลุ่ม ที่สำคัญคือมีความหลากหลายของภาพลักษณ์ สะท้อนถึงการเป็น”คนจริงจัง” สามารถตอบโจทย์เรื่องการลงทุนที่เป็นเรื่องจริงจัง และการลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
” เราให้ติ๊กเป็น แบรนด์ พรีเซ็นเตอร์ DW 13 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับนักลงทุน และให้มีความเข้าใจถึงการใช้เครื่องมือนี้ ที่มีจุดเด่นที่สามารถลงทุนได้ทุกสภาวะการณ์ ไม่ว่าตลาดจะดีหรือไม่ดี ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยซื้อขายสัดส่วนวันละ 2-3% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด ขณะนี้ขึ้นมามากกว่า 12% และยังมีโอกาสเติบโตขึ้นในภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง ในฮ่องกง DW มีสัดส่วนการซื้อขายสูงกว่า 20% ของทั้งตลาด ดังนั้นใครจะเข้ามาใช้ DW จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง พร้อมปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของตลาด ”
ในภาวะที่ธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากใครวิ่งไม่เร็วพอ ก็จะประสบปัญหาการขาดทุน ในที่สุด จะต้องออกจากสนามนี้ เพื่อให้คนใหม่เข้ามาแข่งขันแทน ในยามนี้ ผู้บริหารทุกคนจะต้องมองหาโอกาสให้พบ เชื่อว่า บล.หยวนต้าและบล.เคจีไอพบแล้ว สามารถไปต่อได้ แต่จะต้องติดตามดูการปรับตัว ว่าจะบรรลุเป้าหมาย”การให้บริการถูกใจ”และ”เพิ่มความมั่งคั่งให้กับลูกค้า”ได้หรือไม่ ในสถานการณ์โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง