ชงครม. 20 ส.ค.นี้ เคาะมาตรการกระตุ้นศก.อัดฉีด 3.16 แสนล.

HoonSmart.com>>ครม.เศรษฐกิจ ชง ครม. 20 ส.ค.นี้ อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ อัดฉีดเงินเข้าระบบ 3.16 แสนล้านบาท ผ่าน 3 ทางหลัก “ภัยแล้ง – แจกเงินเที่ยว-อุ้มผู้มีรายได้น้อย” “อุตตม” มั่นใจดันจีดีพี โตไม่ต่ำกว่า 3 % 

นายอุตตม สาวนายก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งแรก ในวันนี้ว่า  วันที่ 20 สิงหาคมนี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คณะรัฐมนตรีใหญ่ พิจารณา ประกอบด้วยการช่วยเหลือ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง มาตรการด้านการท่องเที่ยว (ช้อป-ชิม-ใช้) และ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 316,000 ล้านบาท คาดช่วยเศรษฐกิจขยายตัวปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3%

คาดว่าจะใช้งบประมาณกลาง ประมาณ 50,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นวงเงินสินเชื่อของ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ผ่าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประมาณ 207,000 ล้านบาท และเงินจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท

มาตรการแรก ช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง มีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 13 จังหวัด รวม 909,000 ราย ที่เป็นลูกหนี้กับธ.ก.ส. แบ่งเป็นมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โครงการสินเชื่อใหม่และสินเชื่อ ฉุกเฉิน วงเงินเบื้องต้น 50,000 ล้านบาท ฟรีดอกเบี้ยปีแรก รายละไม่เกิน 50,000 บาท และเงินสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมแซม วงเงิน 5,000 ล้านบาท รายละไม่เกิน 500,000 บาท   ขยายเวลาการพักชำระหนี้เงินกู้เดิม

มาตรการกระตุ้นการลงทุน การบริโภคภาคในประเทศ ผ่านการท่องเที่ยว (ช้อป-ชิม-ใช้) โดยให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพริเคชั่นของธนาคารกรุงไทย เป้าหมาย 10 ล้านคน ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยผู้ได้รับสิทธิจะได้รับเงินในช่องทางอีวอลเลท 1,000 บาท และสามารถนำเงินไปใช้จ่าย โดยวิธีการผ่านแอพฯ ได้ทันที และเมื่อใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว เช่น ซื้อสินค้าท้องถิ่น ทานอาหาร พักโรงแรม ต่าง ๆ ไม่เกิน 3 หมื่นบาท จะได้รับเงินคืน 15% เป็นต้น

นอกจากนี้จะมีการยกเว้นตรวจตราวีซ่า นักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย ด้วย และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ หักค่าใช้จ่ายจากการซื้อเครื่องจักรจาการลงทุน สามารถหักภาษี 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี

สนับสนุนการเงินให้กับเอสเอ็มอี โดยจะมีสินเชื่อผ่อนปรนให้กับเอสเอ็มอี วงเงินรวม 2 แห่งประมาณ 100,000 ล้านบาท ด้านธนาคารธอส. จะสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อบ้าน วงเงิน 27,000 ล้านบาท และธนาคารออมสินอีก 25,000 ล้านบาท

มาตรการดูแลค่าครองชีพ ผ่านกลไกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเพิ่มเงินช่วยเหลือ เป็น 500 บาทต่อราย จากเดิมผู้มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท ได้รับเงินช่วยเหลือ 300 บาทต่อเดือน และผู้มีรายได้ 30,000-100,000 บาท ได้รับเงินช่วยเหลือ 200 บาท ต่อเดือน
ผู้สูงอายุ จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก เดือนละ 500 บาท และให้เงินดูแลเด็กแรกเกิด เพิ่มอีกเดือนละ 300 บาท โดยการช่วยเหลือเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีระยะเวลา 2 เดือน คือ สิงหาคมกับกันยายนนี้เท่านั้น

” การช่วยเหลือผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ยืนยันไม่กระทบฐานะทางการเงินและการคลังของประเทศแน่นอน ” รมว.คลัง กล่าว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการ คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ  กล่าวว่า ในวันนี้ ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ ได้รับทราบสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2562 มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรก ที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 2.8%

สาเหตุจาก เศรษฐกิจโลกที่พบสัญญาณถดถอยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้า ที่ส่งผลกระทบมายังเศรษฐกิจไทย ปีนี้ ครม.เศรษฐกิจวางเป้าหมาย  จีดีพี ของไทยจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% และปี 2563 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5%

สำหรับแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในปี 2562-2563 จะประกอบด้วย 7 ด้าน คือ 1.การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก 2.การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเพิ่มสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก 3.การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและรายได้สุทธิของเกษตร

4.การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและเม็ดเงินภาครัฐ โดยในปี 2562 มีงบประมาณประจำปีรวม 90.7% เป็นงบประจำ 99% และงบลงทุน 60% ด้านปี 2563 ประกอบด้วยงบประมาณประจำปีรวม 92.3% เป็นงบประจำ 98% และงบลงทุน 70% สำหรับด้านที่ 5 คือ การขับเคลื่อนการส่งออก โดยมีเป้าหมายในครึ่งปีหลังปีนี้จะต้องขยายตัวได้ 3% และการส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ 6.การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว โดยกำหนดเป้าหมายปีนี้มีนักท่องเที่ยว 39.8 ล้านคน และปีหน้าที่ 41.8 ล้านคน และ 7.การสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน