TASCOหยุดโรงกลั่นฯกลางมิ.ย.นี้-โบรกหั่นเป้าเหลือ14บาท

TASCO ยืนเป้ายอดขายยางมะตอยปีนี้ 1.9 ล้านตัน แม้ไตรมาสแรกยอดขายลดฮวบ ยอมรับต้องหยุดเดินเครื่องโรงกลั่นฯอีกกลางเดือนมิ.ย.นี้ หลังน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลามาไม่ทัน เร่งหาแหล่งใหม่สำรอง แต่ต้องซื้อแพงขึ้น 20-40 โบรกหั่นราคาเหลือ 14 บาท

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) เปิดเผยว่า บริษัทฯยังมั่นใจว่าปีนี้จะขายยางมะตอยได้ 1.9 ล้านตันเท่ากับปีที่แล้ว แม้ว่าไตรมาสแรกยอดขายจะลดลงเหลือ 3.2 แสนตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 5.3 แสนตัน หลังมีปัญหาการส่งมอบน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา ทำให้ TASCO ต้องหยุดเดินเครื่องโรงกลั่นฯนาน 8 สัปดาห์ ส่วนยอดขายไตรมาส 2 น่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 6 แสนตัน

“ไตรมาส 2 เราน่าจะขายยางมะตอยได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าตอนนี้ยอดขายในประเทศจะลดลง 5 หมื่นตัน ซึ่งต้องดูว่าในช่วงที่เหลือของไตรมาส 2 โดยเฉพาะในเดือนมิ.ย.ยอดขายในต่างประเทศจะเข้ามาชดเชยได้หรือไม่ ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา TASCO เดินเครื่องผลิตยางมะตอยเต็มกำลัง 100% จากไตรมาสแรกที่หยุดเดินเครื่องไป 8 สัปดาห์ รวมทั้งเร่งยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 และ4 เพื่อให้ได้ตามเป้า 1.9 ล้านตัน”นายชัยวัฒน์ระบุ

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากปัญหาการส่งมอบน้ำมันดิบที่ล่าช้าจากเวเนซุเอลา ปีนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับการส่งมอบน้ำมันดิบเพื่อผลิตเป็นยางมะตอยเพียง 9 ลำเรือ จากปีแล้ว 12 ลำเรือ โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเวเนซุเอลาส่งมอบน้ำมันดิบให้แล้ว 3 ลำเรือ และจะเข้ามาอีก 1 ลำเรือประมาณเดือนมิ.ย.นี้ แต่นั่นก็ทำให้ TASCO ต้องหยุดการผลิตในช่วงกลางเดือนมิ.ย.เพราะวัตถุดิบยังมาไม่ถึง ส่วนน้ำมันดิบอีก 5 ลำเรือที่เหลือจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง

นายชัยวัฒน์ ระบุว่า TASCO จำเป็นต้องใช้น้ำมันดิบสำหรับผลิตยางมะตอยจากเวเนซุเอลา เพราะเป็นน้ำมันดิบที่หนักที่สุดในโลก และโรงกลั่นฯของ TASCO ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าว ขณะที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลาถึงปี 2563 โดยสามารถซื้อได้ในราคาที่ดี และมีแผนต่อสัญญาซื้อขายไปจนถึงปี 2573 หลังสถานการณ์การเมืองในเวเนซุเอลาเริ่มนิ่งและมีความชัดเจนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง

“หากครึ่งปีหลังเวเนซุเอลาส่งมอบน้ำมันดิบ 5 ลำเรือที่เหลือไม่ได้ เรามีแผนนำเข้าน้ำมันดิบจากบราซิล เอกวาดอร์ หรืออินโดนีเซียมาทดแทน โดยไตรมาส 3 จะนำ 1 ลำเรือ และไตรมาส 4 นำเข้าได้ 1 ลำเรือ แต่น้ำมันจากทั้ง 3 ประเทศนี้ จะสูงกว่าน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา 20-40% ดังนั้น เราจะพิจารณาในเรื่องผลกำไรและขาดทุนด้วย แม้ว่าราคายางมะตอยล่วงหน้าเดือนก.ค.จะเพิ่มเป็น 390 เหรียญต่อตันจากไตรมาสแรก 320 เหรียญต่อตัน”นายชัยวัฒน์กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้อาจได้เห็นราคายางมะตอยเพิ่มเป็น 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ราคายางมะตอยเพิ่มขึ้น คือ ปริมาณการผลิตที่ลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในหลายประเทศ เริ่มปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันตามมาตรฐานใหม่ คือ ผลิตน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำกว่า 0.5% ส่งผลให้ปริมาณยางมะตอยลดลงด้วย ล่าสุดโรงกลั่นฯในเกาหลีใต้ปรับปรุงโรงกลั่นฯ ทำให้การผลิตยางมะตอยลดลง 9 แสนตันต่อปี

นายชัยวัฒน์ ระบุว่า ในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ บริษัทจะตัดสินใจว่าลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตยางมะตอยในโรงกลั่นฯที่มาเลเซียจาก 1.2 ล้านตันต่อปี เป็น 2.4 ล้านตันต่อปีหรือไม่ โดยจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบ ราคาขายยางมะตอย และปริมาณวัตถุดิบด้วย โดยเฉพาะวัตถุดิบจากเวเนซุเอลา ซึ่งยอมรับว่ายังมีปัญหาความไม่แน่นอนในการส่งมอบอยู่ และปัญหานี้จะยังมีอย่างต่อเนื่อง

“สถานการณ์ในเวเนซุเอลายังไม่อะไรที่ไม่แน่นอน แม้กระทั่งกรณีที่สหรัฐอาจประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลานั้น เราก็ติดตามด้วยความเป็นห่วง แต่หากสหรัฐคว่ำบาตรจริง ก็จะกระทบถึงผู้ซื้อน้ำมันดิบในสหรัฐด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้เราจะนำมาพิจารณาทั้งหมด แล้วจะตัดสินใจว่าจะลงทุนขยายโรงกลั่นฯหรือไม่”นายชัยวัฒน์กล่าว

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ออกรายงานวิเคราะห์หุ้น TASCO ฉบับล่าสุด โดยระบุว่า การส่งมอบน้ำมันดิบจากเวเนซูเอลาที่ล่าช้า ส่งผลให้โรงกลั่นฯต้องปิดชั่วคราว 8 สัปดาห์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 และสถานการณ์ไตรมาสยังไม่ดี โดยความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบจากเวเนซูเอลายังคงมีอยู่ และอาจต้องมีการปิดโรงกลั่นชั่วคราวอีก 2 สัปดาห์ในช่วงไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม ในส่วนราคายางมะตอยยังขยับขึ้นได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดราคาขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 345 เหรียญสหรัฐต่อตัน จาก 310 เหรียญสหรัฐต่อตัน และบริษัทมีสะสมสต็อกในสิ้นไตรมาส 1 ที่จะนำมาขายในไตรมาส 2

“บล.ดีบีเอส คงคำแนะนำขาย โดยให้ราคาพื้นฐาน 14 บาท เนื่องจากธุรกิจปีนี้มีความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบ ทั้งปริมาณที่ได้รับมอบจากเวเนซูเอลาจะต่ำลง โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับน้ำมันดิบ 9 Shipments ในปี 2561 จากปกติที่ได้รับ 12 Shipments ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นในช่วงที่ขาดแคลน ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องจากปี 2559-2560”บทวิเคราะห์ระบุ

ปิดตลาดหุ้นภาคบ่ายวันที่ 21 พ.ค. ราคาหุ้น TASCO ปิดที่ 17.80 ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 31 ล้านบาท