ตลาดหุ้นโลกระส่ำ สารพัดข่าวลบรุมเร้า หุ้นไทยไม่รอด ร่วง 30 จุด

HoonSmart.com>>ต่างชาติ-สถาบัน  กระหน่ำขายหุ้นขนาดใหญ่  กดตลาดหุ้นร่วงแรงเกือบ 32 จุด ปิดเกือบโลว์ของวัน 1,620.23 จุด ลดลง 30.41 จุด  ผู้จัดการกองทุน แนะแบ่งเงินทยอยซื้อ เน้นหุ้นปันผล สื่อสาร พลังงานทางเลือก ขณะที่ “เสี่ยป๋อง” ลดพอร์ตรอแรงขายหมด สัญญาณซื้อกลับ

ตลาดหุ้นไทย วันที่ 13 ส.ค. 2562 หลังจากหยุดยาว 3 วัน ทันทีที่เปิดตลาด มีแรงขายออกมาทันที ดัชนีตลอดทั้งวัน ปรับตัวอยู่ในแดนลบ และเปิดตลาดช่วงบ่าย แรงขายต่างชาติในหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้หุ้นไทยตกหนัก ดัชนีต่ำสุดที่ 1,619.03 จุด ลดลง 31.61 จุด และปิดตลาดที่ 1,620.23 จุด ลดลง 30.41 จุด หรือ 1.84 % มุลค่าซื้อขาย 64,186.02 ล้านบาท ต่างชาติขายหนัก 3,385 ล้านบาท , สถาบัน-กองทุน ขายสุทธิ 838.83 ล้านบาท

ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวลงแรงไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ จากหลายปัจจัยลบทั้งจากสการณ์การชุมนุมประท้วงในฮ่อง ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงวิกฤตคาเงินของอาร์เจนติน่า ก็กระทบด้านจิตวิทยาการลงทุนและต้องดูว่าใครเป็นเจ้าหนี้หลัก จึงทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ขายหุ้นเพื่อถือเงินสดไว้ก่อน

“ต่างชาติขายหุ้นออกมากในช่วงบ่าย ซึ่งขายตอนนี้ก็ยังมีกำไรหรือก็เสมอตัว จากกำไรค่าเงินบาทและมาขาดทุนหุ้น จึงมองว่าต่างชาติขายเพื่อรอดูสถานการณ์แล้วค่อยกลับมาเลือกลงทุนใหม่”ผู้จัดการกองทุน กล่าว

สำหรับกองทุนในประเทศ หากผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้มาขายหน่วยออกมากและกองทุนมีเงินสดในพอร์ตก็รองรับแรงขายได้โดยไม่ต้องขายหุ้นออกในตลาด ส่วนการจะเข้าซื้อใหม่เลยหรือไม่นั้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละบริษัท

ผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงนี้ยังประเมินยาก จะเห็นว่าวันนี้ดัชนีพยายามยืน 1,620 จุด แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะยืนอยู่หรือไม่ โอกาสหลุด 1,600 จุดมี จึงแนะนำแบ่งเงินทยอยลงทุน โดยเน้นหุ้นกลุ่มปันผลสูง เช่น สื่อสารและกลุ่มพลังงานทางเลือก ซึ่งจะมีความผันผวนน้อยต่อเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มพาณิชย์ก็น่าสนใจแต่ต้องรอราคาย่อตัวลงมาเชื่อว่าจากนี้เศรษฐกิจจะต้องพึ่งพาการบริโภคในประเทศ หุ้นเหล่านี้ก็ยังได้ผลดีเช่นเดิม

ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ตั้งแต่ต้นปีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากทำให้หลายตัวราคาสูง ซึ่งแนะนำลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นทางเลือก เพื่อกระจายความเสี่ยง

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ “เสี่ยป๋อง” กล่าวว่า ได้ลดพอร์ตการลงทุนเหลือหุ้นในพอร์ต 2-3 หลักทรัพย์เท่านั้น จากก่อนหน้ามีหุ้นประมาณ 10 หลักทรัพย์ เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นผันผวน ตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก  โดยได้ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่ตอบโต้กันไปมา ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวลงจากสงครามการค้า

“ ก่อนหน้านี้ผมมีมุมมองที่ดีกับตลาดหุ้น ได้ซื้อหุ้นเต็มพอร์ตประมาณ 10 ตัว ตอนนี้รู้สึกงง กับท่าทีของ โดนัล ทรัมป์ ที่การเจรจาการค้ากับจีน ยังไม่จบ ได้ออกมาเก็บภาษีจีนเพิ่มขึ้น ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย ประกอบกับหลาย  ๆ ปัจจัยในประเทศไทย เช่น การลดดอกเบี้ย และการปิดสนามบินฮ่องกง  ประดังกันเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ช่วงนี้ผมคงต้องลดพอร์ตลงทุน รอดูจนกว่าสัญญาณขายหมดและสัญญาณซื้อกลับมา” เสี่ยป๋อง กล่าว