HoonSmart.com>> “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ไตรมาส 2/62 กำไรสุทธิ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนกำไร 9 ล้านบาท ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายคดีความในสหรัฐฯ เป็นเงินกว่า 1,402 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีกำไร 1,385 ล้านบาท โต 58% บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 20 ส.ค.
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 กำไรสุทธิ 111.48 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 9.64 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.00 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2562 กำไรสุทธิ 1,384.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท เพิ่มขึ้น 57.62% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 878.62 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท
บริษัทฯ ชี้แจงว่า กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 1,513 ล้านบาท เติบโต 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 โดยการฟื้นตัวมาจากราคาวัตถุดิบที่ปรับลดลง และอัตรากำไรของธุรกิจหลักปรับตัวดีขึ้น โดยอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 4.7% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 4.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามหากรวมผลกระทบสุทธิจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีความในประเทศสหรัฐอเมริกามูลค่า 1,402 ล้านบาท (ตั้งสำรอง 1,858 ล้านบาท และหักเครดิตภาษี 456 ล้านบาท) กำไรสุทธิตามหน้างบการเงินไตรมาส 2/62 จะอยู่ที่ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 9.64 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดขายในไตรมาส 2/62 ลดลง 4.6% เมื่อเทียบงวเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 32,214 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์สเตอร์ลิงกว่า 6-7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และการมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น โดยหากแยกผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนออก ยอดขายปรับตัวลดลง 2.2% เนื่องจากปริมาณการขายลดลง
ส่วนกำไรขั้นต้นมีจำนวน 5,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/62 จะอยู่ที่ 16.7% เพิ่มขึ้น 2.61% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 และเป็นระดับอัตรากำไรรายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558
บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปรกติอยู่ที่ 1,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.6% แม้ว่าจะมีการบันทึกค่าชดเชยสำหรับพนักงานที่เกษียณอายุเนื่องจากการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานก็ตาม และสืบเนื่องจากค่าชดเชยดังกล่าวและยอดขายที่ลดลง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายในไตรมาส 2/62 จึงอยู่ที่ระดับ 11.8%
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2562 อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.25 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 21 ส.ค. 2562 ขึ้น XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลวันที่ 20 ส.ค.2562 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ก.ย.2562
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำรายการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท บีส ไดเมนชั่น จำกัด (BIZ) ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนหุ้นตามทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วของ BIZ ให้แก่ นายไกรสร จันศิริ จำนวน 600,000 หุ้น และนายธีรพงศ์ จันศิริ จำนวน 400,000 หุ้น ในราคารวม 29,372,998.97 บาท เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของธุรกิจสินเชื่อบุคคลรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (พิโกไฟแนนซ์) ซึ่งจะมีลูกหนี้รายย่อยจำนวนมาก