HoonSmart.com>> บลจ.บัวหลวง เผยยอดจองไอพีโอ กองทุน SUPEREIF เกินกว่ายอดเสนอขาย จะเร่งจัดสรรหน่วยลงทุน คาดอัตราเงินจ่ายในช่วง 12 เดือนแรก ประมาณ 7.49%
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง เปิดเผยว่า ลูกค้าให้ความสนใจจองซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) มากกว่าจำนวนที่เสนอขาย 412 ล้านหน่วย มูลค่า 4,120 ล้านบาท (ไม่รวมส่วนที่บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น – SUPER ลงทุนเอง)
ทั้งนี้ เมื่อนับรวมกองทุน SUPEREIF แล้ว กองทุนบัวหลวงจะมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การจัดการรวม 4 กองทุน มูลค่าตลาดรวม 134,427 ล้านบาท จากจำนวนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยทั้งหมด 8 กองทุน มูลค่าตลาดรวม 389,925 ล้านบาท
นายพีรพงศ์ยังกล่าวอีกว่า กองทุนบัวหลวงจะเร่งจัดสรรหน่วยลงทุนแบบ Small Lot First สำหรับผู้จองซื้อทั่วไป เหมือนการแจกไพ่จำนวนเท่ากันทีละรอบ ทำให้ผู้ที่จองซื้อน้อยได้สิทธิการได้รับจัดสรรเต็มจำนวนก่อน คาดว่าจะประกาศผลการจัดสรรได้อย่างเร็วที่สุด ภายในวันที่ 2 ส.ค. 2562
กองทุน SUPEREIF จะลงทุนครั้งแรกในสิทธิรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 19 โครงการ กำลังการผลิตรวม 118 เมกะวัตต์ ของ บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด (17AYH) และบริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (HPM) โดย SUPER ถือหุ้น 99.99% ในทั้ง 2 บริษัทนี้ สำหรับระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิจะเริ่มตั้งแต่วันที่กองทุนเข้าลงทุนในทรัพย์สินสำเร็จ จนถึงวันที่ 26 ธ.ค. 2584 หรือประมาณ 22 ปี
สำหรับนโยบายจ่ายเงินปันผลจะจ่ายไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง เว้นแต่ปีปฏิทินแรกและปีปฏิทินสุดท้ายของการลงทุนของกองทุนฯ คาดว่าอัตราเงินจ่าย (เงินปันผล และเงินคืนทุน) ในรอบระยะเวลาการลงทุน 12 เดือนแรกของ SUPEREIF จะอยู่ที่ประมาณ 7.49% บุคคลธรรมดาได้รับเงินปันผลจะได้รับยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ใน 10 ปีภาษีแรกนับตั้งแต่วันที่กองทุนจัดตั้งสำเร็จอีกด้วย