KKP กำไรไตรมาส 2 เหลือ 1.47 พันล. ลด 5%

HoonSmart.com>> ธนาคารเกียรตินาคินกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 จำนวน 1,470.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.7% จากไตรมาสแรก ส่วนครึ่งปีกำไรหด 11.9% เหลือ 2,698.73 ล้านบาท สินเชื่อเติบโต

ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิ 1,470.57 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.74 บาท ลดลง 5.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,550.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.83 บาท แต่เพิ่มขึ้น 19.7% จากไตรมาส 1/2562

ส่วนงวด 6 เดือนปี 2562 กำไรสุทธิ 2,698.73 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.19 บาท ลดลง 11.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,063.95 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.62 บาท

ในงวด 6 เดือนแรก กลุ่มธุรกิจมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 5,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อยู่ที่ 2,146 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและรายได้อื่น 1,059 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 9,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากงวดเดียวกันของปี 2561

ส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2/2562 สินเชื่อโดยรวมขยายตัว 2.1% จากสิ้นปี 2561 โดยมีการขยายตัวในสินเชื่อเกือบทุกประเภทยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีการหดตัว ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หดตัวร้อยละ 2.7 จากสิ้นปี 2561 ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ร้อยละ 4.2 ปรับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.1 ณ สิ้นปี 2561

ด้านธุรกิจบริหารหนี้ ธนาคารขายอสังหาริมทรัพย์รอการขายได้ในไตรมาส 2/2562 จำนวน 472 ล้านบาทและมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์รอการขาย 190 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจตลาดเงินสามารถทำรายได้จำนวน 110 ล้านบาทในไตรมาส 2/2562 ทางด้านธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.ภัทร) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท) ร้อยละ 8.89 ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.32 ในไตรมาส 1/2562

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งเงินกองทุนทั้งสิ้นได้รวมกำไรถึงปี 2561 ทั้งปีหลังหักเงินปันผลจ่าย อยู่ที่ร้อยละ 16.13 โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 12.37 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2562 จะส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับร้อยละ 17.29 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 13.53