ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย หุ้นค้าปลีกหนุน บอนด์ยีลด์อ่อนตัวลง ส่วนหุ้นพลังงานลดตามราคาน้ำมันดิบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 16 พ.ค. ที่ 24,768.93 จุด เพิ่มขึ้น 62.52 จุด หรือ 0.3% ด้วยแรงหนุนของหุ้นกลุ่มค้าปลีก จากบริษัทเมซีอิงค์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังประกาศผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาด ทั้งยอดขายและผลกำไร ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีกหลายตัวทั้ง เจ ซี เพนนี ปรับขึ้นมา ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและความกังวลต่อการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่คิม จอง อึน ขู่ว่าอาจจะยกเลิกการพบปะในวันที่ 12 มิ.ย.ที่กำหนดไว้หากสหรัฐยังคงยืนยันให้เกาหลีเหนือยกเลิกการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ประกอบกับการแก้ไขข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังไม่ชัดเจน และความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อทำให้ตลาดโดยรวมขึ้นไปไม่ได้ไกล
ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ(บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปีอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 3.063% หลังจากที่พุ่งไปที่ระดับ 3.095% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เมื่อวันก่อน
ตัวการสร้างบ้านใหม่เดือนเมษายนลดลง 3.7% หรือมีจำนวน 1.29 ยูนิต จาก 1.34 ยูนิตในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2007
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,722.46 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด,0.4 %
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,398.30 จุด เพิ่มขึ้น 46.67 จุด, 0.63%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ แม้ภาวะตึงเครียดทางการเมืองในอิตาบีจะสร้างความวิตกว่ายูโรโซนจะตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติรอบใหม่ ขณะเดียวกันความกังวลเกี่ยวกับการเมืองระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือกลบข่าวดีผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ค่าเงินยูโรต่อดอลลาร์อ่อนตัวมาอยู่ที่ 1.1781 จาก 1.1837
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,734.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.22ลดลง จุด,0.15%
ดัชนี Stoxx Europe 600 index ปิดที่ 393.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 %
ดัชนี DAX 30 ปิดที่ 12,996.33 จุด เพิ่มขึ้น 26.29 จุด,+0.20%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,567.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด, +0.26%