HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 117 จุด รับผลเจรจาสหรัฐฯ กับจีน ด้านตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ 26,717.43 จุด เพิ่มขึ้น 117.47 จุด หรือ 0.44% ด้วยการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปหลังจากประธา นาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงตกลงที่จะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน ในการพบปะนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์จะผ่อนคลายให้บริษัทสหรัฐฯขายชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ให้กับบริษัทหัวเว่ย แต่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติและจีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า การเจรจาการค้ากับจีนได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่เป็นการเจรจาผ่านโทรศัพท์ แต่ข้อตกลงใดระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะต้องมีประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ขณะเดียวกันสหรัฐฯได้เพิ่มเติมรายการสินค้านำเข้าจากยุโรปที่เข้าข่ายจะถูกเก็บภาษี ทำให้นักลงทุนยังวิตกต่อความตึงเครียดทางการค้าโลก
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,964.33 จุด เพิ่มขึ้น 22.57 จุด,+0.77%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,091.16 จุด เพิ่มขึ้น 84.92 จุด,+1.06%
หุ้นสกายเวิร์คโซลูชั่นเพิ่มขึ้น 6% หุ้นไมครอนเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 3.9% หุ้นควอลคอมเพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นบรอดคอมเพิ่มขึ้น 4.3% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.8%
หุ้นแอพพลายด์แมททีเรียลเพิ่มขึ้น 1.7% หลังประกาศซื้อกิจการโคคุไซ อิเลกทริคมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโบอิ้งลดลง 2.07% จากความกังวลว่าเครื่องโบอิ้งรุ่น MAX 737 จะยังถูกห้ามบินต่อไปอีก
กระทรวงพาณิชย์เผยการใช้จ่ายของภาคก่อสร้างเดือนพฤษภาคมลดลง 0.8% นับว่าลดลงมากนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
ไอเอชเอส มาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ 50.6 จาก 50.5 เดือนพฤษภาคม
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวกจากการปรับขึ้นของหุ้นทุกกลุ่มนำโดยกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเกือบ 2% มาแตะระดับสูงสุดของปี ยกเว้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับตัวลดลง นักลงทุนรับผลการพบปะนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงที่ตกลงจะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน และจะกลับมาเจรจาการค้ากันใหม่
อย่างไรก็ตามตลาดอ่อนตัวลงจุดสูงสุดของวันจากตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่สดใสโดยไอเอชเอส มาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตเยอรมนีเดือนมิถุนายนว่า เพิ่มขึ้นมาที่ 45.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน แต่ยังหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตอิตาลีเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 48.4 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตสเปนเดือนมิถุนายนลดลงมาที่ 47.9 จาก 50.1 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการลดลงเร็วในรอบ 6 ปี และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตอังกฤษเดือนมิถุนายนลดลงมาที่ 48.0 จาก 49.4 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2013
นอกจากนี้การประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป (EU)ในวาระพิเศษเพื่อหาบุคคลที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยที่นาย ฟรานซ์ ทิมเมอร์แมนส์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นตัวเต็งที่จะมารับตำแหน่งต่อจากนายชอง คล้อด จุงเกอร์
นักลงทุนและโบรกเกอร์กำลังหาทางออกหลังการห้ามซื้อขายหุ้นบริษัทสวิตเซอร์แลนด์ในตลาดหุ้นอียูมีผลในวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคมหลังการเจรจาระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับอียูล่ม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,497.50 จุด เพิ่มขึ้น 71.87 จุด,+0.97%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 387.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด,+0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,567.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.95 จุด,+0.52%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,521.38จุด เพิ่มขึ้น 122.58 จุด,+0.99%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเอสทีเอ็มไมโครและหุ้นเอเอสเอ็มไอต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% หุ้นเอเอ็มเอสและหุ้นอินฟินิออนต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 4%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 62 เซนต์ปิดที่ 59.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน กันยายนเพิ่มขึ้น 32 เซนต์ปิดที่ 65.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์