โรงไฟฟ้าโซลาร์มินบู เฟส 1 ติดเครื่อง COD ‘SCN-ECF-META’ กำไรรุ่ง

HoonSmart.com>>3 บริษัทจดทะเบียน พลิกโฉม หลังประสบความสำเร็จในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) แห่งแรก และใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู เฟส 1 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ (MW) มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2562  โดยได้รับเกียรติจาก “ออง ซาน ซูจี” ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา เป็นประธานเปิดงาน มีรัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ และแขกมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่ เมืองมินบู รัฐมาเกวย ทำให้ผู้ลงทุนในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) หรือ GEP เริ่มรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น  พร้อมความมั่นใจในการขยายการลงทุน….

ออง ซาน ซูจี

กว่าจะมาถึงวันนี้ โซลาร์ฟาร์มมินบู เฟส 1 ได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานามาตั้งหลายครั้ง ทั้งเรื่องอดีตผู้ร่วมลงทุนขอขายหุ้นคืน รวมถึงแหล่งเงินทุนสะดุด ส่งผลให้โครงการก่อสร้างล่าช้าและเลื่อนการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) จากเดิมคาดไว้ในปี 2561

คุ้มค่า! สำหรับความสำเร็จที่รอคอย คาดว่าจะได้รับกำไรประมาณปีละ 500 ล้านบาท โซลาร์ฟาร์มมินบู เริ่ม COD วันที่ 28 มิ.ย. 2562 ได้สร้างความภูมิใจ และความเชื่อมั่นต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนไทยที่ร่วมลงทุนใน GEP ประกอบด้วย บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) สัดส่วน 40% บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) 20% บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META)12 % รวมถึงกองทุนสิงคโปร์ของนักลงทุนไทยร่วมกับเมียนมา สัดส่วน 28% ประกาศเร่งลงทุนต่อใน เฟส 2 เฟส 3 และ เฟส 4 ที่มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการทุก ๆ1 ปี รวมกำลังผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ การรับซื้อสูงสุด 170 เมกะวัตต์ ในอัตราคงที่ที่ 0.1275 ดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วยไฟฟ้า ตลอดสัญญา 30 ปี บนเนื้อที่ 2,115 ไร่

“ออง ทีฮา “ ประธานกรรมการ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ การันตีความสำเร็จของ GEP ในอนาคตในการพัฒนาโครงการต่อๆ ไป เมียนมามีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2573 ปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 3,500 เมกะวัตต์ (MW) ยังขาดอยู่อีก 4,000 MW

“ผมในฐานะคนเมียนมาและหนึ่งในผู้บุกเบิกพลังงานในเมียนมา มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่เป็นผู้สร้างความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าทันประเทศอื่นๆ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ รวมถึงนักลงทุน สถาบัน และพันธมิตรทั้งไทยและประเทศอื่นๆ ได้มีส่วนช่วยพัฒนาโครงการ ทำให้คนเมียนมามีไฟฟ้าใช้มากขึ้น ”

ทางด้าน “ฤทธี กิจพิพิธ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ ซึ่งเพิ่งเข้ามาถือหุ้นในปี 2561 จำนวน 30% เป็นเงินลงทุนประมาณ 1,234.88 ล้านบาท กล่าวว่า SCN จะลงทุนเพิ่มเป็น 40% หลัง COD จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GEP ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตทำสถิติใหม่ หลังเริ่มรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นโครงการโซลาร์ฟาร์มมินบูเฟสแรก และไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากความล่าช้ารถเมล์ NGV เหมือนปีก่อน

ทั้งนี้ โครงการมินบูจะจ่ายไฟครบ 220 เมกะวัตต์ ในปี 2565 สร้างรายได้ประมาณปีละ 1,000-1,200 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายประมาณ 50%

“ผมเรียนจบดอกเตอร์ ด้านโซลาร์โดยเฉพาะ ตอนอายุ 27 ปี มีความฝันว่าจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด วันนี้ความฝันเป็นความจริงแล้ว ขอบคุณที่ร่วมกันทำโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในเมียนมา จำนวน 220 MW แม้ว่ายังไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่เป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าในเมียนมา”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการขยายการลงทุนด้านพลังงานเพื่อสร้างโอกาสการเติบโต แต่ไม่ได้มองแค่ที่เมียนมา อยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศเวียดนามและใกล้เคียง กำลังการผลิตรวมกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดได้ข้อสรุปปีนี้อย่างน้อย 1-2 ดีล

“อารักษ์ สุขสวัสดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค ผู้พลิกธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เข้าสู่พลังงาน กล่าวว่า โรงไฟฟ้ามินบูเป็นความภูมิใจโครงการหนึ่งของเมียนมา พวกเราเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการสร้างความสำเร็จ เพราะมีความมุ่งมั่น และจะเร่งลงทุนเฟส 2-4 ให้เร็วที่สุด จะรวบทำให้เร็วขึ้น เกิดจากการจ้างงานมากกว่า 1,000 คน แหล่งเงินทุนมาจากธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

“ผมถูกถามมาตลอดว่าโครงการนี้ จะเกิดหรือไม่ จะเสร็จไหม ECF ถูกท้าทายครั้งแรกในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่จังหวัดนราธิวาส ปัจจุบัน COD เรียบร้อยแล้ว และไบโอแก๊สที่จังหวัดแพร่ด้วย โครงการนี้บริษัทใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท คาดใช้เวลาคืนทุน 10 ปี ส่วนที่เหลือ 20 ปี เป็นกำไร  จะช่วยต่อยอดขยายการลงทุนต่อไป ปัจจุบันกำลังพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าทดแทนต่างประเทศ ขนาด 50 MW ตั้งเป้าในปี 2565 จะมีกำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์  เพิ่มสัดส่วนกำไรมาจากธุรกิจพลังงาน 60-70% จากปัจจุบันมีเพียง 10 เมกะวัตต์ กำไรมาจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ 70% ”

“ศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์” ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัทเมตะ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้าง และพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีโอกาสพลิกมีกำไร หลังเริ่มรับรู้กำไรโรงไฟฟ้ามินบูเฟสแรก 50 เมกะวัตต์ และรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง แม้ไตรมาส 1 จะขาดทุน 8.71 ล้านบาท เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบู ส่วนรายได้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 1,471.01 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือประมาณ 7,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ถึงปี 2565