อายัดหุ้น BCP 6 พันลบ. สะเทือนตลาดทุน ก.ล.ต.+ตลท.เร่งสอบซื้อ-ขาย-หาผู้ถือหุ้น

HoonSmart.com>>ตลาดทุนไทย สั่นสะเทือนครั้งใหญ่อีกระลอก หลัง ปปง. อายัดหุ้นบางจาก คอร์ปอเรชั่น BCP มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท จากการสืบสวนเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่โยงกับขบวนการสแกมเมอร์ ตลท.ยันไม่กระทบฟรีโฟลท แต่ทำภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นเสีย หวังรัฐจบเกมโดยเร็ว พร้อมสนับสนุนทุกมิติ ด้านก.ล.ต.นำทีมผู้บริหารแถลงด่วน เร่งควานหาผู้ถือหุ้นตัวจริง พร้อมประสานงานหน่วยงานกำกับข้ามชาติขอข้อมูลข้ามประเทศ

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า การที่ภาครัฐออกมาดำเนินการดังกล่าว ไม่ใช่แค่การปกป้องตลาดทุน แต่เป็นการปกป้องประชาชนทั่วไป ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และตลท.ได้ส่งสัญญาณไปยังทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง

“หน้าที่หลักของเราคือการตรวจสอบธุรกรรมในตลาดทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อขาย การโยกย้าย และการดำเนินการต่าง ๆ โดยเฉลี่ยมีธุรกรรมกว่า 5–6 แสนครั้งต่อวัน ซึ่งเราตรวจสอบว่าทำตามกฎเกณฑ์หรือไม่ ส่วนเรื่องผู้ถือหุ้นอยู่นอกเหนืออำนาจของตลท.” อัสสเดชกล่าว

นายอัสสเดช กล่าวว่า การอายัดหุ้น BCP มูลค่า 6,000 ล้านบาท ไม่กระทบสภาพคล่องของหุ้นดังกล่าว เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นรายย่อยสูง 50.6% หากหักส่วนของ BCP ที่ถูกอายัด ยังเหลือสัดส่วนฟรีโฟรทอยู่ 20% และจากการตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบันยังไม่พบวอลุ่มที่ผิดปกติ ในขณะที่ฝ่ายบริหารจัดการของ BCP หลังมีข่าวที่เกี่ยวโยง ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาว่าตัวบริษัทมีกระบวนการหรือทำอะไรได้บ้างเพื่อปกป้องบริษัทและผู้ลงทุน

ในด้านการกำกับดูแลเงินทุนที่เข้าสู่ตลาด มีกรอบชัดเจนอยู่แล้ว ว่า ทางบริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ ที่จะรับลูกค้าเปิดบัญชี ต้องทำ KYC ตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) ,สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่แล้ว ที่ต้องช่วยกันยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้ชื่อเสียงของตลาดทุนเสียหาย

“ปัจจุบันตลาดทุนไทยมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 800 บริษัท ซึ่งถูกกำกับให้เปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องและตรวจสอบธุรกรรมอย่างเข้มงวด ยอมรับว่าที่ผ่านมาแม้จะเกิดกรณีทุจริตเพียง 2–3 เคส ก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของตลาดทุน พอมาถึงกรณีการอายัดหุ้นบางจาก ก็เพิ่มความกังวลต่อตลาดทุนต่อไปอีก การยึดอายัดหุ้น BCP เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสืบสวน และหวังว่าภาครัฐจะเร่งดำเนินการและให้ความชัดเจนต่อสาธารณะโดยเร็ว ตลท.พร้อมให้ข้อมูลและสนับสนุนทุกขั้นตอน”นายอัสสเดช กล่าว

นายอัสสเดช กล่าวว่า กรณีที่มีชื่อของคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ตลท.ถูกโยงด้วย ยืนยันว่า กรรมการทุกคนต่างทำหน้าที่ตามบทบาทของตนเองอย่างเหมาะสม ทั้งให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีการตักเตือนกันเมื่อจำเป็น และยอมรับว่าส่วนตัวมีความคุ้นเคยกับบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายคน เนื่องจากวงการการเงินไทยมีขนาดไม่ใหญ่ จึงรู้จักกันเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลจะเน้นไปที่ “พฤติกรรม” มากกว่าการให้ความสำคัญกับชื่อบุคคล โดยที่ผ่านมา บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หากพบการกระทำที่ผิดข้อห้ามและอยู่ในอำนาจของหน่วยงานอื่น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พร้อมจะสนับสนุนข้อมูล

ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยกทีมผู้บริหารแถลงด่วนแนวทางการดำเนินการกรณีหุ้น BCP ถูกอายัดนับจากนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.,นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต.,นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ,น.ส.จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต.,นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ก.ล.ต.

หาตัวผู้ถือหุ้น

นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับจาก ปปง.จะถูกนำมาประเมินและใช้ในการดำเนินงานต่อทันที มุ่งไปที่การตรวจสอบตัวตนของผู้ถือหุ้นที่แท้จริง และที่ผ่านมามีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นที่รายงานเป็นผู้ถือหุ้นตัวจริง ไม่ใช่เพียงผู้ถือหุ้นในนาม ผ่านเกณฑ์การกำกับดูแลผู้ถือหุ้นที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนว่าต้องรายงานข้อมูล หากถือหุ้นเกิน 5% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ และหากการถือหุ้นแตะระดับ 25%, 50% หรือ 75% ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์

หากเกี่ยวข้องกับนักลงทุนต่างชาติ ก็สามารถดำเนินการได้ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศ ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงการส่งหนังสือ แต่มีการประชุมและหารือร่วมกันเพื่อให้เข้าใจตรงกันทุกฝ่าย
นอกจากนี้  ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกับปปง.อย่างใกล้ชิด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นในการตรวจสอบธุรกรรมและรวมถึงร่วมกันกำหนดมาตรการและไกด์ไลน์ใหม่ ๆ เพื่อป้องกันการฟอกเงินและการบิดเบือนข้อมูลในตลาดทุนไทย

กรณี JKN ที่อดีตผู้บริหารถูกกล่าวโทษมีการหลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งในช่วงที่ก.ล.ต.ได้ทำการกล่าวโทษทางแพ่งและอาญา ไม่พบว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมจะหลบหนี  แต่หลังจากหลบหนีไปแล้ว ก.ล.ต. ไม่ได้ละเลย ได้ทำการประสานงานกับหน่วยงานกำกับในต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่มีความคืบหน้า โดยไม่ต้องรอให้ข้อมูลสมบูรณ์ในคราวเดียว เพื่อหาทางนำตัวกลับมาดำเนินคดี

เข้มโบรกฯทำ KYC

นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ได้ดูแลบริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ ให้ทำ KYC,CCD ตามกฎหมายหลักทรัพย์ และตามกฎหมาย ปปง. ในส่วนที่เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ทางก.ล.ต.ก็ดำเนินคดีต่อไป และการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดในอนาคต ก็กำลังคุยกับ ปปง. เพื่อหาแนวทางในการยกระดับของโบรเกอร์ ให้ขึ้นมาและเป็นกลไกในการช่วยป้องกันการฟอกเงิน

กม.ใหม่สกัดบัญชีม้า

น.ส.จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงานที่เกี่ยวข้องได้แสดงความมุ่งมั่นในการจัดการกับกลุ่มสแกมเมอร์ โดยมีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักลงทุนและออกมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล ทั้งในตลาดทุนและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรการสำคัญแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การปิดกั้นช่องทางต่างประเทศ หากแพลตฟอร์มต่างชาติใช้ภาษาไทย มีโดเมน .th หรือเชิญชวนคนไทยเข้ามาใช้บริการ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ภายในประเทศ ภายใต้พ.ร.ก.ไซเบอร์ หน่วยงานสามารถประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อปิดกั้นการเข้าถึงได้ทันที
ด้านการกำกับดูแลแพลตฟอร์มในประเทศ ได้ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบ เช่น การป้องกันบัญชีม้า การจัดประเภทลูกค้าตามความเสี่ยงของลูกค้า และการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อ ปปง.

ผลจากมาตรการเหล่านี้ทำให้สามารถปิดบัญชีที่เข้าข่ายผิดปกติได้กว่า 44,000 บัญชี มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท นับเป็นความคืบหน้าที่สำคัญในการสกัดกั้นเงินเทาในระบบ

เร็วๆนี้ ปปง. จะมีกฎหมาย Travel Rule กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องเก็บข้อมูลทั้งผู้โอนและผู้รับโอนสินทรัพย์ดิจิทัล, การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบการ ตำรวจ ในการส่งต่อข้อมูลบัญชีม้าเพื่อให้สามารถตรวจสอบและระงับธุรกรรมที่ผิดปกติได้อย่างทันท่วงที รวมถึงพ.ร.ก.ไซเบอร์ยังวางหลักการ Shared Responsibility การร่วมรับผิดชอบความเสียหาย หากผู้ประกอบธุรกิจหละหลวมจนเกิดความเสียหายต่อประชาชน และทำงานร่วมกับคณะกรรมการ connecting the dots ของกระทรวงการคลัง พยายาม Identify จุดที่ไม่มีข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ปิดแก็ป

สกัดเงินสกปรกตลาดทุน

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า สรุปว่า การตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน แยกออกจากการดำเนินธุรกิจโดยตรง เพราะธุรกิจของบริษัทไม่ได้มีปัญหา แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือ “หุ้น” ที่ซื้อขายในตลาดทุน ซึ่งเป็นจุดที่สะท้อนโครงสร้างการถือหุ้นและความโปร่งใสของตลาด

ก.ล.ต. ย้ำว่า ตลาดหุ้นไทยมีเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยผู้ถือหุ้นเกิน 5% ต้องรายงานข้อมูลต่อสำนักงาน หากไม่รายงานถือว่าผิดกฎหมาย และหากการถือหุ้นถึงระดับที่กฎหมายกำหนด เช่น 25%, 50% หรือ 75% ของสิทธิออกเสียง จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อป้องกันการครอบงำกิจการโดยไม่โปร่งใส

ในกรณีที่ ก.ล.ต.พบการหลีกเลี่ยงหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ จะดำเนินการสอบสวน ขอข้อมูลเพิ่มเติม และบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผิดหน้าที่รายงาน หรือการไม่ทำคำเสนอซื้อเมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด

สำหรับการป้องกันระยะสั้น ก.ล.ต. เน้นบทบาทของ “Gate Keeper” หรือผู้ทำหน้าที่ตัวกลาง โดยต้องทำ KYC เพื่อระบุตัวตนผู้ซื้อขายหุ้นอย่างชัดเจน และให้บริการที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยง ขณะเดียวกันยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายฟอกเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินสกปรกถูกนำเข้ามาซื้อสินทรัพย์ในตลาดทุนหรือสินทรัพย์ดิจิทัล

พร้อมกับ ย้ำว่า ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุน ไม่ต้องการให้ตลาดทุนไทยกลายเป็นช่องทางเอื้ออำนวยต่อการฟอกเงิน ดังนั้น หากพบการไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ จะดำเนินการตามกฎหมายทันที และหากปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็จะยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ในระยะยาว ก.ล.ต. เตรียมผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและการเปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นที่แท้จริง เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีความเข้มแข็งและโปร่งใสยิ่งขึ้น

ตลาดทุนไทยประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียน นักลงทุน และผู้ระดมทุน ซึ่งทั้งหมดต้องการความเชื่อมั่นว่า หากเกิดข้อสงสัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างจริงจัง สำนักงาน ก.ล.ต. ยืนยันว่าได้ทำงานตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฝั่งบริษัทจดทะเบียนที่ผู้ถือหุ้นมีหน้าที่รายงาน หากเกี่ยวข้องกับการทำคำเสนอซื้อกิจการ (M&A) หรือการถือหุ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็ต้องปฏิบัติตาม หากไม่ทำถือเป็นการละเมิดและจะนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมาย

การตรวจสอบจำเป็นต้องมีข้อมูลและการทดสอบข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้ออกมาให้ข่าวทุกวัน เพราะต้องระมัดระวังในการสื่อสารต่อสาธารณะ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีผลกระทบต่อผู้ลงทุนจำนวนมาก ทั้งรายย่อย กองทุน และสถาบัน อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ยืนยันว่าการทำงานไม่เคยหยุด และเมื่อมีข้อเท็จจริงใหม่ก็จะดำเนินการทันที

ในกรณีที่ ปปง. มีการแถลงเรื่องการอายัดทรัพย์ของผู้กระทำผิด ก.ล.ต. ระบุว่าเบื้องหลังมีการประสานงานกันอยู่แล้ว เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลจริง โดยสำนักงานได้ส่งหนังสือเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม และได้รับความร่วมมือจาก ปปง. อย่างดี ทั้งสองหน่วยงานจึงทำงานร่วมกันเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่รับผิดชอบเกิดผลเป็นรูปธรรม

โดย วารุณี อินวันนา